ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โลมากระโดดเพศเมียถูกคลื่นซัดเกยหาดในหาน แลกชีวิตช่วยลูกน้อยวัยไม่เกิน 2 วัน ที่สภาพร่างกายยังอ่อนแอว่ายน้ำยังไม่แข็ง แต่ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง จนแม่ต้องช่วยเอาตัวดันออกไปสู่ทะเล ในขณะที่ตัวแม่ซึ่งอ่อนแอจากการคลอดลูกก็สู้ความแรงของคลื่นไม่ไหวถูกซัดกระแทกโขดหินจนเป็นแผลตามลำตัว รวมทั้งสำลักน้ำตายหลังได้รับการช่วยเหลือไม่นาน
นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กล่าวถึงการช่วยเหลือโลมากระโดดเพศเมียที่ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ามาเกยตื้นที่บริเวณชายหาดในหาน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า โลมาเพศเมียตัวดังกล่าวตายลงแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวมาดูแลที่บริเวณบ่ออนุบาลภายในกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก เนื่องจากสภาพร่างกายของโลมาตัวดังกล่าวอ่อนแอมาก และมีการสำลักน้ำทำให้ระบบหายใจมีปัญหา จนเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวไปใส่ในเครื่องช่วยพยุงเพื่อให้น้ำเกลือ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตลงได้ และตายลงเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.)
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โลมาตายทางเจ้าหน้าที่ได้ผ่าซากโลมาทันทีเพื่อหาสาเหตุการตาย ซึ่งจากการผ่าเจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึงเพราะพบว่า เป็นโลมาที่เพิ่งผ่านการคลอดลูกมาไม่เกิน 2 วัน เนื่องจากยังมีน้ำนมอยู่ในตัวจำนวนมาก สภาพร่างกายอ่อนแอหลังคลอด ซึ่งสันนิษฐานว่า โลมาแม่ลูกอ่อนพร้อมลูกที่เพิ่งคลอด และโลมาพี่เลี้ยงน่าจะว่ายน้ำอยู่ในบริเวณไม่ไกลจากหาดในหาน แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรงคลื่นสูง และซัดลูกโลมาที่เพิ่งคลอดความยาวประมาณ 60-70 เซนติเมตรเข้าหาฝั่ง ทำให้แม่ และป้าซึ่งเป็นพี่เลี้ยงต้องว่ายน้ำตามมาเพื่อช่วยดันให้ลูกโลมาว่ายน้ำกลับไปในทะเลลึก
แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ เนื่องจากเพิ่งผ่านการคลอดลูกของแม่โลมา ประกอบกับคลื่นลมที่มีกำลังแรงมาก ทำให้ถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง และไปกระแทกกับโขดหินจนร่างกายได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออกจำนวนมาก รวมทั้งมีอาการสำลักน้ำ ทำให้ไม่สามารถว่ายน้ำออกไปพร้อมกับลูกได้ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่บีชการ์ดพยายามที่จะช่วยผลัดดันโห้ว่ายน้ำออกไป ซึ่งในช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือพบว่า สภาพร่างกายของโลมาอ่อนเพลียเป็นอย่างมากจึงได้ให้ยาบำรุงในเบื้องต้น แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
นายก้องเกียรติ กล่าว่า จากการผ่าพิสูจน์ และผลการตรวจเลือดพบว่า ภายในปอดมีน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการสำลักน้ำในช่วงถูกคลื่นซัดไปกระแทกโขดหิน นอกจากนั้นยังพบว่า มีการเสียเลือดมาก ส่วนผลการตรวจเลือดไม่พบว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือมีการป่วยภายในแต่อย่างใด ส่วนลูกโลมาวัยไม่เกิน 2 วันนั้น เจ้าหน้าที่จะเฝ้าสังเกตุการณ์ว่าจะถูกคลื่นซัดกลับเข้ามาหาฝั่งหรือเปล่า เนื่องจากลูกโลมาวัยขนาดนี้ยังต้องอาศัยกินนมจากแม่ แต่เมื่อแม่โลมาตายเกรงว่าโอกาสที่ลูกโลมาจะมีชีวิตรอดนั้นน้อยมาก แต่ถ้าได้ตัวลูกโลมาก่อนก็สามารถที่จะให้กินนมที่เจ้าหน้าที่เก็บจากตัวแม่ไว้ได้
นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กล่าวถึงการช่วยเหลือโลมากระโดดเพศเมียที่ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ามาเกยตื้นที่บริเวณชายหาดในหาน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า โลมาเพศเมียตัวดังกล่าวตายลงแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวมาดูแลที่บริเวณบ่ออนุบาลภายในกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก เนื่องจากสภาพร่างกายของโลมาตัวดังกล่าวอ่อนแอมาก และมีการสำลักน้ำทำให้ระบบหายใจมีปัญหา จนเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวไปใส่ในเครื่องช่วยพยุงเพื่อให้น้ำเกลือ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตลงได้ และตายลงเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.)
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โลมาตายทางเจ้าหน้าที่ได้ผ่าซากโลมาทันทีเพื่อหาสาเหตุการตาย ซึ่งจากการผ่าเจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึงเพราะพบว่า เป็นโลมาที่เพิ่งผ่านการคลอดลูกมาไม่เกิน 2 วัน เนื่องจากยังมีน้ำนมอยู่ในตัวจำนวนมาก สภาพร่างกายอ่อนแอหลังคลอด ซึ่งสันนิษฐานว่า โลมาแม่ลูกอ่อนพร้อมลูกที่เพิ่งคลอด และโลมาพี่เลี้ยงน่าจะว่ายน้ำอยู่ในบริเวณไม่ไกลจากหาดในหาน แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรงคลื่นสูง และซัดลูกโลมาที่เพิ่งคลอดความยาวประมาณ 60-70 เซนติเมตรเข้าหาฝั่ง ทำให้แม่ และป้าซึ่งเป็นพี่เลี้ยงต้องว่ายน้ำตามมาเพื่อช่วยดันให้ลูกโลมาว่ายน้ำกลับไปในทะเลลึก
แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ เนื่องจากเพิ่งผ่านการคลอดลูกของแม่โลมา ประกอบกับคลื่นลมที่มีกำลังแรงมาก ทำให้ถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง และไปกระแทกกับโขดหินจนร่างกายได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออกจำนวนมาก รวมทั้งมีอาการสำลักน้ำ ทำให้ไม่สามารถว่ายน้ำออกไปพร้อมกับลูกได้ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่บีชการ์ดพยายามที่จะช่วยผลัดดันโห้ว่ายน้ำออกไป ซึ่งในช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือพบว่า สภาพร่างกายของโลมาอ่อนเพลียเป็นอย่างมากจึงได้ให้ยาบำรุงในเบื้องต้น แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
นายก้องเกียรติ กล่าว่า จากการผ่าพิสูจน์ และผลการตรวจเลือดพบว่า ภายในปอดมีน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการสำลักน้ำในช่วงถูกคลื่นซัดไปกระแทกโขดหิน นอกจากนั้นยังพบว่า มีการเสียเลือดมาก ส่วนผลการตรวจเลือดไม่พบว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือมีการป่วยภายในแต่อย่างใด ส่วนลูกโลมาวัยไม่เกิน 2 วันนั้น เจ้าหน้าที่จะเฝ้าสังเกตุการณ์ว่าจะถูกคลื่นซัดกลับเข้ามาหาฝั่งหรือเปล่า เนื่องจากลูกโลมาวัยขนาดนี้ยังต้องอาศัยกินนมจากแม่ แต่เมื่อแม่โลมาตายเกรงว่าโอกาสที่ลูกโลมาจะมีชีวิตรอดนั้นน้อยมาก แต่ถ้าได้ตัวลูกโลมาก่อนก็สามารถที่จะให้กินนมที่เจ้าหน้าที่เก็บจากตัวแม่ไว้ได้
