xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ยันพร้อมช่วย “น้องกร” หนูน้อยหัวแตงโมเต็มที่ แต่ผู้ป่วยร่างกายไม่แข็งแรงยังผ่าตัดไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - หลายฝ่ายยื่นมือช่วยเหลือ “น้องกร” หนูน้อยวัยขวยเศษซึ่งป่วยเป็นโรคหัวแตงโม รพ.ตรัง ยันช่วยดูแลรักษาให้ฟรีจนถึงที่สุด และพร้อมผ่าตัดเอาน้ำออก แต่ติดปัญหาที่ผู้ป่วยยังมีสภาพอ่อนแอมาก

จากกรณีที่ ด.ช.กรกฤต หรือน้องกร ช่วยพันธ์ อายุ 1 ปี 16 วัน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 259 ถนนพัทลุง ตำบลทับเที่ยง ใกล้กับสถานีขนส่งแห่งใหม่ ในเขตเทศบาลนครตรัง ได้ป่วยเป็นโรคน้ำขึ้นในสมอง หรือโรคหัวแตงโม ทำให้ที่บริเวณศีรษะของน้องกรมีขนาดใหญ่โตขึ้นกว่า 56 เซนติเมตรแล้ว ทั้งๆ ที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 4.5 กิโลกรัมเท่านั้น และล่าสุดยังมีอาการไข้ ตัวร้อนสูง ไอ และปอดบวม จนต้องนำไปเข้ารักษาตัวที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิด ห้องผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด ศูนย์กระตุ้นพัฒนาการเด็ก ชั้น 1 ตึก 298 โรงพยาบาลตรังนั้น

ล่าสุด วันนี้ (12 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปเยี่ยมน้องกร ที่เตียงหมายเลข 13 โดยยังคงมีนางยุพา ซ้ำมุ้ง อายุ 41 ปี ผู้เป็นแม่ และนางจรวย ซ้ำมุ้ง อายุ 72 ปี ผู้เป็นยาย คอยเฝ้าดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด ซึ่งปรากฏว่า หลังข่าวคราวของน้องกรถูกนำเสนอออกไปผ่านสื่อต่างๆ ได้มีผู้ใจบุญจำนวนมากเดินทางไปเยี่ยม หรือโทรศัพท์ไปหาเพื่อให้กำลังใจนางยุพา ผู้เป็นแม่ รวมทั้งบางส่วนยังได้บริจาคเงินช่วยเหลือด้วยจำนวนหนึ่ง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง 3,000 บาท นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง 2,000 บาท ศูนย์ข่าวไทยทีวีสีช่อง 3 จังหวัดตรัง 1,000 บาท ทำให้ครอบครัวของหนูน้อยมีกำลังใจที่จะต่อสู้โรคหัวแตงโมมากขึ้น

นายแพทย์ศุภชัย ศุภพฤกษ์สกุล รอง ผอ.โรงพยาบาลตรัง กล่าวว่า ตนได้รับการประสานมาจากนายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ให้หาทางช่วยเหลือน้องกรในด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องของการรักษาพยาบาลนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากทางครอบครัวสามารถใช้บัตรทองได้ตามสิทธิอยู่แล้ว เหลือเพียงแค่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเดินทางที่ทางครอบครัวต้องรับผิดชอบเอง ในขณะที่เรื่องการดูแลของแพทย์ ทั้งที่โรงพยาบาลตรัง และโรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ ก็พร้อมเต็มที่ เพื่อให้หนูน้อยหายป่วยจากโรคหัวแตงโมโดยเร็วที่สุด

สำหรับปัญหาสำคัญที่สุดของ น้องกร ในเวลานี้ก็คือ ไม่สามารถทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาน้ำออกมาได้ เนื่องมีสภาพร่างกายไม่แข็งแรง เพราะโดยปกติของเด็กอายุ 1 ปี จะมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม แต่หนูน้อยรายนี้กลับมีน้ำหนักเพียงแค่ 4.5 กิโลกรัมเท่านั้น จึงเป็นภาระของครอบครัวที่จะต้องเพิ่มน้ำหนักได้ตามเกณฑ์ มิเช่นนั้น ถึงจะเป็นแพทย์ที่ไหนก็คงไม่เสี่ยงผ่าตัดให้ และผลจากการที่น้องกรกินนมไม่ค่อยเก่ง จึงทำให้ขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งจะส่งผลต่อการติดเชื้อได้ง่าย และนำไปสู่อาการปอดบวม รวมทั้งโรคแทรกซ้อนอื่นๆ โดยแพทย์ต้องให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อลดอาการป่วย และคาดว่าจะกลับบ้านได้ใน 2-3 วันนี้

อย่างไรก็ตาม ผลจากการที่หัวใจของน้องกร อยู่สลับข้างกัน คือ ไปอยู่ทางด้านขวา แทนที่จะไปอยู่ทางด้านซ้ายเหมือนเด็กปกติอื่นทั่วไป หรือการที่หูรูดของกระเพาะมีปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการดูดซึมอาหาร ทำให้การเจริญเติบโตของหนูน้อยคนนี้ล่าช้ากว่าคนอื่นๆ ตลอดจนมีอาการเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นภาระที่ทางครอบครัวจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และให้กำลังใจน้องกร เพื่อทานอาหารให้มากขึ้น พร้อมร่วมมือกับแพทย์เพื่อช่วยกันประคับประคองไปให้ถึงที่สุด เพราะโอกาสในการรักษาให้หายจากโรคหัวแตงโมก็ยังพอมีอยู่ หากสภาพร่างกายมีความพร้อมมากพอที่จะทำการผ่าตัดได้
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น