ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าท่าภูมิภาค 5 สาขาภูเก็ต ร่วมกับตำรวจน้ำ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มเรือโดยสาร เน้นดูแลความปลอดภัยห้ามบรรทุกเกิน-พนักงานขับเรือปลอดแอลกอฮอล์ ยืนยันเรือทุกลำที่นำมาให้บริการนักท่องเที่ยวต้องผ่านการตรวจสภาพ สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว ขณะที่ยอดนักท่องเที่ยวทางทะเลเริ่มต้นเทศกาลยังไม่คึกคัก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (12 เม.ย.) ที่ท่าเทียบเรือรัษฎา ต.รัษฏา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ร่วมกับ พ.ต.ท.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี สารวัตรตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า และตำรวจน้ำ ระดมกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยที่บริเวณท่าเทียบเรือ รวมทั้งเรือโดยสาร พนักงานขับเรือ เพื่อให้มีความพร้อมในการให้บริการนักท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัยมากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เรือโดยสารที่ออกจากท่าเรือรัษฎา ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งในเรื่องของการจัดเตรียมเสื้อชูชีพ เรื่องของการไม่บรรทุกเกินน้ำหนักที่ระบุข้างเรือ
ขณะที่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการนำแผ่นพับให้ความรู้เรื่องของข้อปฏิบัติในการท่องเที่ยวทางเรือแจกจ่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อให้คำคำแนะนำเรื่องการเดินทาง รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่ควรทำระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ส่วนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ก็มีการลงไปตรวจเช็กความปลอดภัยของเรือ รวมทั้งความพร้อมของคนขับเรือ รวมทั้งพูดคุยเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า การเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลทุกช่วงเทศกาล ทางสำนักงานเจ้าท่าจะเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการเดินทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงปกติก็ได้มีการตรวจอยู่แล้ว สำหรับในช่วงสงกรานต์ปีนี้ เจ้าท่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต ร่วมกันตรวจสอบดูแลความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลตามท่าเรือต่างๆ โดยให้ความสำคัญเรื่องของการดูแลความปลอดภัยเป็นหลักๆ เน้นทั้งความปลอดภัยของเรือ เรื่องของเสื้อชูชีพ ความพร้อมของคนขับเรือ และเรื่องของการไม่บรรทุกเกินจากจำนวนที่ระบุไว้
สำหรับเรือท่องเที่ยวที่ให้บริการในพื้นที่ภูเก็ตมีประมาณ 4,000 ลำ ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของการตรวจเรือนั้นมีการตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการช่วงนี้ก็จะมีการสุ่มตรวจเรือมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้นำเรือที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพมาใช้ให้บริการนักท่องเที่ยว เพราะในการให้บริการนักท่องเที่ยวนั้น จะเน้นเรื่องของการดูแลให้มีความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งในส่วนของการสวมใส่เสื้อชูชีพของนักท่องเที่ยว เรื่องของอุปกรณ์ช่วยชีวิต
นายภูริพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวในทางทะเลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ พบว่า ในช่วงต้นฤดูกาลยังไม่คึกคักเท่าที่ควร พบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยทางเรือยังน้อยอยู่ และเมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมาพบว่ามีปีนี้มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องรอดูในช่วงวันที่ 13 เม.ย. ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยวทะเลนั้นอยากฝากไปยังประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก หากมีความรู้สึกว่า เรือโดยสารลำใดมีการรับนักท่องเที่ยวเกินกว่าอัตราที่กำหนด ก็ให้หลีกเลี่ยงที่จะเดินทาง และรอที่จะขึ้นเรือลำถัดไป หรือแจ้งเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทราบ อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการที่ให้บริการก็จะต้องเข้มงวดต่อเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายก็มีการประสานกันตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (12 เม.ย.) ที่ท่าเทียบเรือรัษฎา ต.รัษฏา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ร่วมกับ พ.ต.ท.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี สารวัตรตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า และตำรวจน้ำ ระดมกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยที่บริเวณท่าเทียบเรือ รวมทั้งเรือโดยสาร พนักงานขับเรือ เพื่อให้มีความพร้อมในการให้บริการนักท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัยมากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เรือโดยสารที่ออกจากท่าเรือรัษฎา ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งในเรื่องของการจัดเตรียมเสื้อชูชีพ เรื่องของการไม่บรรทุกเกินน้ำหนักที่ระบุข้างเรือ
ขณะที่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการนำแผ่นพับให้ความรู้เรื่องของข้อปฏิบัติในการท่องเที่ยวทางเรือแจกจ่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อให้คำคำแนะนำเรื่องการเดินทาง รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่ควรทำระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ส่วนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ก็มีการลงไปตรวจเช็กความปลอดภัยของเรือ รวมทั้งความพร้อมของคนขับเรือ รวมทั้งพูดคุยเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า การเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลทุกช่วงเทศกาล ทางสำนักงานเจ้าท่าจะเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการเดินทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงปกติก็ได้มีการตรวจอยู่แล้ว สำหรับในช่วงสงกรานต์ปีนี้ เจ้าท่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต ร่วมกันตรวจสอบดูแลความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลตามท่าเรือต่างๆ โดยให้ความสำคัญเรื่องของการดูแลความปลอดภัยเป็นหลักๆ เน้นทั้งความปลอดภัยของเรือ เรื่องของเสื้อชูชีพ ความพร้อมของคนขับเรือ และเรื่องของการไม่บรรทุกเกินจากจำนวนที่ระบุไว้
สำหรับเรือท่องเที่ยวที่ให้บริการในพื้นที่ภูเก็ตมีประมาณ 4,000 ลำ ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของการตรวจเรือนั้นมีการตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการช่วงนี้ก็จะมีการสุ่มตรวจเรือมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้นำเรือที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพมาใช้ให้บริการนักท่องเที่ยว เพราะในการให้บริการนักท่องเที่ยวนั้น จะเน้นเรื่องของการดูแลให้มีความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งในส่วนของการสวมใส่เสื้อชูชีพของนักท่องเที่ยว เรื่องของอุปกรณ์ช่วยชีวิต
นายภูริพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวในทางทะเลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ พบว่า ในช่วงต้นฤดูกาลยังไม่คึกคักเท่าที่ควร พบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยทางเรือยังน้อยอยู่ และเมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมาพบว่ามีปีนี้มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องรอดูในช่วงวันที่ 13 เม.ย. ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยวทะเลนั้นอยากฝากไปยังประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก หากมีความรู้สึกว่า เรือโดยสารลำใดมีการรับนักท่องเที่ยวเกินกว่าอัตราที่กำหนด ก็ให้หลีกเลี่ยงที่จะเดินทาง และรอที่จะขึ้นเรือลำถัดไป หรือแจ้งเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทราบ อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการที่ให้บริการก็จะต้องเข้มงวดต่อเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายก็มีการประสานกันตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการท่องเที่ยว
