สุราษฎร์ธานี - สลดแม่บังเกิดเกล้าบังคับลูกสาววัย 14 ปีขายตัว ลูกสาวสุดทนติดต่อชายคนรักมารับตัวหลบหนีกลางดึก สร้างความไม่พอใจแก่แม่ตามแจ้งความเอาผิด และเรียกร้องเงินค่าเสียหาย 100,000 บาท ในขณะที่ลูกสาวแฉแม่เปิดร้านคาราโอเกะบังหน้าใช้เป็นสถานที่นายหน้าขายบริการ และเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติด
วันนี้ (9 เม.ย.) ที่ สภ.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี นางเกศรี ศิริสุทธิ์ อายุ 38 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.พงศ์รัตน์ ทองมาก พนักงานสอบสวน สภ.เวียงสระ ดำเนินคดีต่อ นายประวิทย์ หอยสังข์ อายุ 23 ปี ในข้อหาพรากผู้เยาว์ และเรียกร้องเงิน 100,000 บาท โดยนางเกศรี ได้ระบุว่า นายประวิทย์ ได้หลอกลวง น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกสาวไปในทางชู้สาว
นางสมทรง ลัพเลี่ยม อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 318/21 ม.10 ต.บ้านส้อง ผู้ปกครอง นายประวิทย์ ได้เปิดเผยว่า นายประวิทย์ ไม่ได้หลอกลวง น.ส.เอ แต่เป็นการช่วยเหลือ น.ส.เอ เนื่องจากนางเกศรี ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า และพ่อเลี้ยงบังคับให้ขายตัว จึงต้องการหลบหนีออกจากบ้านพักจนเกิดการได้เสียกันขึ้น ก่อนหน้านี้ ตนได้นำเด็กทั้งคู่มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้แล้ว
ในขณะที่ น.ส.เอ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นางเกศรี ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าได้เปิดร้านสุขสันต์คาราโอเกะ และดอกรักคาราโอเกะ ในตลาดบ้านส้อง อ.เวียงสระ มีการขายบริการทางเพศ และเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด โดยตนเองเป็นพนักงานบริการดูแลแขกที่มาเที่ยว ซึ่งก่อนเกิดเหตุ มีเพื่อนๆ ของพ่อเลี้ยงมาเที่ยวต้องการหาเด็กไปนอนด้วยแต่เด็กขายบริการขาด จึงมาถามตนไปนอนกับแขกเอามั้ย แขกให้ 4,000-5,000 บาท ตนไม่ตกลงด้วย นางเกศรี ได้พูดข่มขู่ว่าหากไม่ไปไม่ต้องมาพูดกัน ตนเกิดความเกรงกลัวว่าแม่และพ่อเลี้ยงจะบังคับ และทำร้ายเพื่อให้ไปนอนกับแขก จึงได้ติดต่อกับนายประวิทย์ คนรักให้มารับพาหลบหนีออกจากร้านดอกรักคาราโอเกะ ซึ่งตนเองได้ปีนลงมาจากชั้นที่ 2 ของร้าน เนื่องจากไม่กล้าออกมาทางหน้าร้าน ซึ่งมีแขกและพ่อเลี้ยงกับแม่อยู่ด้านล่างกลางดึก
ขณะที่ น.ส.เอ กำลังให้รายละเอียดต่อผู้สื่อข่าวอยู่นั้น นางเกศรี ผู้เป็นแม่ได้เข้ามาด่าทอลูกสาวจึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น โดยลูกสาวได้หลุดปากว่า แม่เป็นคนตั้งวงเสพยาเสพติด นางเกศรี โกรธจัดเข้ามาจะทำร้ายลูกสาว แต่นายประวิทย์ ได้ดึงตัว น.ส.เอ ออกมาก่อน และก่อนที่เรื่องจะลุกลามใหญ่โตเจ้าหน้าที่ตำรวจบน สภ.เวียงสระ ได้เข้ามาระงับเหตุ พร้อมนำทั้งคู่แยกสอบสวน และขอร้องไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพเหตุการณ์ต่อไปอีก