ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต สั่งเตรียมพร้อมเฝ้าระวังเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ชนิดเอช 7 เอ็น 9 หลังพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อในจีน 7 ราย เน้นการเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบ และไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาล รวมทั้งเตรียมความพร้อมทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (5 เม.ย.) นายแพทย์บัญชา ค้าของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึง สถานการณ์โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 (H7N9) ในประเทศจีน 7 รายว่า ข้อมูลจากศูนย์ข่าวกรอง สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2556 พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 7 ราย จากมณฑลเจียงซู 4 ราย มณฑลเซี่ยงไฮ้ 2 ราย และมณฑลอานฮุย 1 ราย เป็นหญิง 4 ราย ชาย 3 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยอายุของผู้ป่วยทั้ง 7 ราย อยู่ในช่วง 27-87 ปี ผู้ป่วย 2 ราย มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกก่อนป่วย แต่ผู้ป่วยทุกรายไม่มีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยาซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ อยู่ระหว่างหาสาเหตุการติดเชื้อ
ซึ่งเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 เคยพบรายงานในสัตว์ปีกในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นมาก่อน แต่ไม่เคยมีรายงานการติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์นี้ในคน สำหรับการติดเชื้อในคนครั้งนี้ ยังไม่พบหลักฐานการแพร่เชื้อจากคนสู่คน และไม่พบการติดเชื้อในผู้สัมผัส และประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบเชื้อนี้มาก่อน เคยพบเฉพาะสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 (H5N1) ในช่วงปี 2547-2549 และไม่มีรายงานติดต่อกันจนถึงขณะนี้มากกว่า 5 ปี สำหรับจังหวัดภูเก็ตยังไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในคน และในสัตว์
นายแพทย์บัญชา กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2556 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ทั้งสิ้น 290 ราย อัตราป่วย 84.04 ต่อแสนประชากร และมีจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบทั้งสิ้น 142 ราย อัตราป่วย 41.15 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปี ย้อนหลัง และสูงกว่าปี 2555 ในช่วงเวลาเดียวกัน
ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของโรคไข้หวัดนก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้กำหนดมาตรการสำคัญ โดยเน้นการเฝ้าระวังผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ และมีอาการรุนแรง ได้แก่ โรคปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ทุกรายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโรงพยาบาล สถานบริการสาธารณสุข และชุมชน เพื่อตรวจจับสัญญาณการระบาดได้ทันท่วงที การตรวจวินิจฉัย การรักษาพยาบาล การป้องกันควบคุมโรค รวมทั้งเตรียมความพร้อมของทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ทุกระดับ ตลอด 24 ชั่วโมง การเฝ้าระวังโรคในสัตว์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประสานอาสาสมัครสาธารณสุขในการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยของคนในชุมชน และการป่วยตายของสัตว์ปีก ตลอดจนการประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคไข้หวัดนกแก่ประชาชนให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายแพทย์บัญชา กล่าวอีกว่า ในการป้องกันโรคไข้หวัดนกไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการคลุกคลีสัมผัสกับสัตว์ปีก ไม่นำสัตว์ปีกที่มีอาการหงอย ซึม ขนยุ่ง หรือซากสัตว์ปีกที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุมาชำแหละ และรับประทานอย่างเด็ดขาด หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือปศุสัตว์ และให้ยึดหลักกินสุกร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ หลังสัมผัสสัตว์ปีก สิ่งคัดหลั่งของสัตว์ปีกด้วยสบู่และน้ำ หากมีอาการไข้ ไอ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพเลี้ยง ฆ่า ขนส่ง ขนย้าย และขายสัตว์ปีก หรือเกี่ยวข้องกับสัตว์ปีกให้รีบไปพบแพทย์ทันที
วันนี้ (5 เม.ย.) นายแพทย์บัญชา ค้าของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึง สถานการณ์โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 (H7N9) ในประเทศจีน 7 รายว่า ข้อมูลจากศูนย์ข่าวกรอง สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2556 พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 7 ราย จากมณฑลเจียงซู 4 ราย มณฑลเซี่ยงไฮ้ 2 ราย และมณฑลอานฮุย 1 ราย เป็นหญิง 4 ราย ชาย 3 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยอายุของผู้ป่วยทั้ง 7 ราย อยู่ในช่วง 27-87 ปี ผู้ป่วย 2 ราย มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกก่อนป่วย แต่ผู้ป่วยทุกรายไม่มีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยาซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ อยู่ระหว่างหาสาเหตุการติดเชื้อ
ซึ่งเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 เคยพบรายงานในสัตว์ปีกในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นมาก่อน แต่ไม่เคยมีรายงานการติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์นี้ในคน สำหรับการติดเชื้อในคนครั้งนี้ ยังไม่พบหลักฐานการแพร่เชื้อจากคนสู่คน และไม่พบการติดเชื้อในผู้สัมผัส และประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบเชื้อนี้มาก่อน เคยพบเฉพาะสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 (H5N1) ในช่วงปี 2547-2549 และไม่มีรายงานติดต่อกันจนถึงขณะนี้มากกว่า 5 ปี สำหรับจังหวัดภูเก็ตยังไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในคน และในสัตว์
นายแพทย์บัญชา กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2556 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ทั้งสิ้น 290 ราย อัตราป่วย 84.04 ต่อแสนประชากร และมีจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบทั้งสิ้น 142 ราย อัตราป่วย 41.15 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปี ย้อนหลัง และสูงกว่าปี 2555 ในช่วงเวลาเดียวกัน
ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของโรคไข้หวัดนก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้กำหนดมาตรการสำคัญ โดยเน้นการเฝ้าระวังผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ และมีอาการรุนแรง ได้แก่ โรคปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ทุกรายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโรงพยาบาล สถานบริการสาธารณสุข และชุมชน เพื่อตรวจจับสัญญาณการระบาดได้ทันท่วงที การตรวจวินิจฉัย การรักษาพยาบาล การป้องกันควบคุมโรค รวมทั้งเตรียมความพร้อมของทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ทุกระดับ ตลอด 24 ชั่วโมง การเฝ้าระวังโรคในสัตว์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประสานอาสาสมัครสาธารณสุขในการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยของคนในชุมชน และการป่วยตายของสัตว์ปีก ตลอดจนการประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคไข้หวัดนกแก่ประชาชนให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายแพทย์บัญชา กล่าวอีกว่า ในการป้องกันโรคไข้หวัดนกไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการคลุกคลีสัมผัสกับสัตว์ปีก ไม่นำสัตว์ปีกที่มีอาการหงอย ซึม ขนยุ่ง หรือซากสัตว์ปีกที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุมาชำแหละ และรับประทานอย่างเด็ดขาด หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือปศุสัตว์ และให้ยึดหลักกินสุกร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ หลังสัมผัสสัตว์ปีก สิ่งคัดหลั่งของสัตว์ปีกด้วยสบู่และน้ำ หากมีอาการไข้ ไอ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพเลี้ยง ฆ่า ขนส่ง ขนย้าย และขายสัตว์ปีก หรือเกี่ยวข้องกับสัตว์ปีกให้รีบไปพบแพทย์ทันที