ชุมพร - ตำรวจ ปส.ชุมพร จับแก๊งค้ายาเสพติด ยึดบ้ากว่าหมื่นเม็ด ไอซ์ครึ่งกิโลกรัม มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (4 เม.ย.) ที่ห้องประชุมกองกำกับการตำรวจภูธร จ.ชุมพร พล.ต.ต.เอิบ คงกล่ำ ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.ต.อภิชาติ เจียพานิช หน.ชป.ปส.ภ.จ.ชุมพร แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด ประกอบด้วย นายเทพศิรินทร์ หรือก้อง อักษรขำ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 ถ.เขาเงิน ต.ขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร และ น.ส.สุภัททิยา หรือปิ๋ว อรุณรักษ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/2 หมู่ 4 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร พร้อมของกลางยาบ้า 10,272 เม็ด ยาไอซ์หนัก 29.44 กรัม (เกือบครึ่งกิโลกรัม) มีมูลค่าซื้อขายกว่า 3 ล้านบาท อาวุธปืนพกสั้นชนิดรีวอลเวอร์ 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาด .38 จำนวน 6 นัด อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด1 กระบอก พร้อมกระสุนเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด รถยนต์กระบะ 2 คัน รวมทั้งของกลาง และทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายยาเสพติดอีกหลายรายการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.อภิชาติ เจียพานิช หน.ชป.ปส.ภ.จ.ชุมพร สืบทราบว่า นายเทพศิรินทร์ หรือก้อง อักษรขำ อายุ 30 ปี ได้ถูกจับกุมคดีจำหน่ายยาบ้า จำนวน 150 เม็ด และอยู่ระหว่างประกันตัวชั้นศาลเพื่อต่อสู้คดี หลังได้รับประกันตัวออกมานายเทพศิรินทร์ ก็ยังมีพฤติกรรมลักลอบค้ายาบ้าอยู่เหมือนเดิม จึงได้ส่งสายสืบติดตามดูพฤติกรรมจนกระทั่งแน่ชัดว่า นายเทพศิรินทร์ ยังค้ายาบ้าอยู่จริง จึงวางแผนให้สายลับติดต่อเข้าไปล่อซื้อ จนนายเทพศิรินทร์ หลงกลขายยาบ้าให้ จึงถูกจับกุมพร้อมของกลางจำนวน 272 เม็ด
จากนั้นชุดจับกุมได้สอบสวนขยายผล โดยนายเทพศิรินทร์ หรือก้อง อักษรขำ ให้การรับสารภาพว่า รับซื้อยาบ้ามาจาก “นายหนุ่ม” ไม่ทราบนามสกุล พักอยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 11 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร จึงนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบ น.ส.สุภัททิยา หรือปิ๋ว อรุณรักษ์ อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายหนุ่มนั่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน เมื่อเห็นตำรวจ น.ส.สุภัททิยา ได้ตะโกนให้นายหนุ่มสามีที่อยู่ภายในบ้านให้วิ่งหลบหนีออกไปทางประตูหลังบ้านหนีเข้าไปในป่าละเมาะ ซึ่งตำรวจไม่สามารถไล่ติดตามจับตัวได้ แต่ตำรวจอีกชุดได้รวบตัว น.ส.สุภัททิยา ไว้ได้ก่อนจะหลบหนี ตรวจค้นภายในบ้านพบยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด ยาไอซ์เกือบครึ่งกิโลกรัม (หนัก 29.44 กรัม) และอาวุธปืน 2 กระบอก จึงยึดไว้เป็นของกลางและควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายหนุ่ม ขณะนี้ตำรวจได้รู้ชื่อและนามสกุลจริงแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับต่อไป