ระนอง - ระนองแล้งหนักฝนทิ้งช่วงนานกว่า 3 เดือน ฝายเก็บน้ำรั่ว ชาวบ้านม่วงกลวงกว่า 300 ครัวเรือน เดือดร้อนหนัก
ชาวบ้าน “ม่วงกลวง” กว่า 300 ครัวเรือน จ.ระนอง เดือดร้อนหนัก หลังฝนทิ้งช่วงนานกว่า 3 เดือน ฝายกักเก็บน้ำรั่ว ทำขาดน้ำดื่มน้ำใช้ น้ำใต้ดินน้ำมีน้อย ผลิตน้ำประปาไม่เพียงพอ ล่าสุด ปภ.ระนอง ประสาน อบต.ม่วงกลวง นำบรรทุกน้ำมาแจกจ่ายน้ำให้ชาวบ้านเป็นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว ขณะที่สวนกาแฟเริ่มแห้งตาย
นายอิร่อเหม นิ่งราวี อายุ 56 ปีบ้านเลขที่ 26/4 และนายอาทร ปะสู อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 13/6 ชาวบ้าน ม.3 ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดระนอง โดยเฉพาะที่บ้านม่วงกลวงว่า ปีนี้ภัยแล้งรุนแรงมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา ประสบกับฝนทิ้งช่วงนานร่วม 3 เดือน ทำให้ชาวบ้านเริ่มขาดน้ำอย่างหนัก ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่มีน้ำใช้เลย จะซื้อก็ลำบากเพราะอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองมาก แต่ทาง อบต.ม่วงกลวง ก็ให้ความช่วยเหลือโดยนำรถบรรทุกน้ำมาแจกจ่ายทุก 3-4 วัน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง กล่าวว่า หลังจากที่ฝนได้ทิ้งช่วงมากว่า 3 เดือนแล้ว ในส่วนของทางจังหวัดระนอง ได้รับรายงานจากหลายอำเภอว่าแหล่งน้ำต่างๆ เช่น ประปาภูเขา แหล่งน้ำตามธรรมชาติ เริ่มแห้งขอด และจากสภาพพื้นที่ของจังหวัดระนองเป็นภูเขา 86% แต่ที่กักเก็บน้ำเช่นฝายเก็บน้ำขนาดใหญ่มี 1 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่เริ่มที่จะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค แต่ทาง ปภ.ระนอง และทางจังหวัดก็ให้ความช่วยเหลือโดยนำรถบรรทุกน้ำมาช่วยเหลือ และจะประชุมกันอีกครั้งเพื่อเร่งแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนต่อไป
ขณะที่นายกำพล จันทร์ชู นายก อบต.ม่วงกลวง กล่าวว่า อบต.ม่วงกลวงได้ประสบกับปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากการที่ฝายกักเก็บน้ำม่วงกลวงมีความตื้นเขิน จนเป็นสันดอนทราย และบริเวณด้านล่างของฝายรั่วไม่สามารถเก็บน้ำได้ ทำให้ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน โดยก่อนหน้านี้ อบต.ม่วงกลวงได้ขอรถน้ำจากเทศบาลอำเภอกะเปอร์นำน้ำไปแจกจ่ายชาวบ้านมา 15 วันแล้ว แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้าน จากนั้นจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยัง ปภ.ระนอง เพื่อขอรถขนน้ำมาช่วยแจกจ่ายน้ำให้แก่ชาวบ้านอีก 1 คัน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งในส่วนของ อบต.ม่วงกลวง เองไม่มีงบประมาณเพียงพอ อยากจะให้ทางจังหวัดช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
ชาวบ้าน “ม่วงกลวง” กว่า 300 ครัวเรือน จ.ระนอง เดือดร้อนหนัก หลังฝนทิ้งช่วงนานกว่า 3 เดือน ฝายกักเก็บน้ำรั่ว ทำขาดน้ำดื่มน้ำใช้ น้ำใต้ดินน้ำมีน้อย ผลิตน้ำประปาไม่เพียงพอ ล่าสุด ปภ.ระนอง ประสาน อบต.ม่วงกลวง นำบรรทุกน้ำมาแจกจ่ายน้ำให้ชาวบ้านเป็นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว ขณะที่สวนกาแฟเริ่มแห้งตาย
นายอิร่อเหม นิ่งราวี อายุ 56 ปีบ้านเลขที่ 26/4 และนายอาทร ปะสู อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 13/6 ชาวบ้าน ม.3 ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดระนอง โดยเฉพาะที่บ้านม่วงกลวงว่า ปีนี้ภัยแล้งรุนแรงมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา ประสบกับฝนทิ้งช่วงนานร่วม 3 เดือน ทำให้ชาวบ้านเริ่มขาดน้ำอย่างหนัก ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่มีน้ำใช้เลย จะซื้อก็ลำบากเพราะอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองมาก แต่ทาง อบต.ม่วงกลวง ก็ให้ความช่วยเหลือโดยนำรถบรรทุกน้ำมาแจกจ่ายทุก 3-4 วัน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง กล่าวว่า หลังจากที่ฝนได้ทิ้งช่วงมากว่า 3 เดือนแล้ว ในส่วนของทางจังหวัดระนอง ได้รับรายงานจากหลายอำเภอว่าแหล่งน้ำต่างๆ เช่น ประปาภูเขา แหล่งน้ำตามธรรมชาติ เริ่มแห้งขอด และจากสภาพพื้นที่ของจังหวัดระนองเป็นภูเขา 86% แต่ที่กักเก็บน้ำเช่นฝายเก็บน้ำขนาดใหญ่มี 1 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่เริ่มที่จะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค แต่ทาง ปภ.ระนอง และทางจังหวัดก็ให้ความช่วยเหลือโดยนำรถบรรทุกน้ำมาช่วยเหลือ และจะประชุมกันอีกครั้งเพื่อเร่งแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนต่อไป
ขณะที่นายกำพล จันทร์ชู นายก อบต.ม่วงกลวง กล่าวว่า อบต.ม่วงกลวงได้ประสบกับปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากการที่ฝายกักเก็บน้ำม่วงกลวงมีความตื้นเขิน จนเป็นสันดอนทราย และบริเวณด้านล่างของฝายรั่วไม่สามารถเก็บน้ำได้ ทำให้ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน โดยก่อนหน้านี้ อบต.ม่วงกลวงได้ขอรถน้ำจากเทศบาลอำเภอกะเปอร์นำน้ำไปแจกจ่ายชาวบ้านมา 15 วันแล้ว แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้าน จากนั้นจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยัง ปภ.ระนอง เพื่อขอรถขนน้ำมาช่วยแจกจ่ายน้ำให้แก่ชาวบ้านอีก 1 คัน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งในส่วนของ อบต.ม่วงกลวง เองไม่มีงบประมาณเพียงพอ อยากจะให้ทางจังหวัดช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
