ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวเลหาดราไวย์ตื่นพบชิ้นส่วนกระดูกฝังอยู่ใต้ถุนบ้าน แจ้งนักโบราณคดีตรวจสอบ เผยเป็นกระดูกท่อนแขนมนุษย์ มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี
วันนี้ (21 มี.ค.) นายภาณุวัฒน์ เอื้อสามาลย์ นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 15 ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในชุมชนชาวไทยใหม่ราไวย์ ว่า มีการพบชิ้นส่วนโครงกระดูกของมนุษย์ จากนั้นจึงนำเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ พบเป็นบ้านเพิงสังกะสี ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว มีบริเวณใต้ถุนบ้าน ซึ่งมี นางแหวก หลักเกาะ วัย 88 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่บ้านราไวย์ ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นเจ้าของบ้าน โดยในจุดที่ชาวบ้านพบนั้นอยู่ใต้ถุนบ้านของ นางแหวก มีลักษณะเป็นหลุม ขนาดความกว้าง 50 ซม. ความลึก 30 ซม. มีชิ้นส่วนกระดูกของมนุษย์อยู่ในหลุม ชาวบ้านจึงได้นำผ้าขาวมาห่อไว้
ทั้งนี้ จากการสอบถาม นางแหวก พบว่า เมื่อวานได้เรียกช่างในหมู่บ้านมาทำการซ่อมแซมเสาไม้ที่ค้ำตัวบ้าน เนื่องจากเสาต้นดังกล่าวอยู่ในสภาพพุพัง ชำรุดเสียหาย เกรงว่าหากไม่มีการแก้ไข อาจทำให้ตัวบ้านพังถล่มลงมา ดังนั้น จึงให้ช่างเข้ามาดำเนินการ ซึ่งในเวลา 20.00 น. ระหว่างที่ช่างเข้ามาขุดดินบริเวณใต้ถุนบ้านใกล้ๆ กับเสาไม้ก็ถึงกับตกใจ เพราะเจอชิ้นส่วนโครงกระดูกของมนุษย์ จากนั้นจึงปรึกษากับเพื่อนบ้าน และขอให้หยุดการซ่อมแซมชั่วคราว จากนั้นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เข้ามาตรวจสอบชิ้นส่วนโครงกระดูกต่อไป
นอกจากนี้ นางแหวก กล่าวต่อว่า หลังจากที่พบชิ้นส่วนกระดูก ก็เริ่มมีความหวาดกลัว เพราะหากเป็นกระดูกของบรรพบุรุษจริง ก็จะนำมาทำพิธีกราบไหว้บูชา หลังจากที่ทางสำนักศิลปกรได้นำไปพิสูจน์เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ขณะนอนหลับก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
ด้านนายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า ชิ้นส่วนที่พบเป็นกระดูกของมนุษย์จริง เป็นอวัยวะของท่อนแขนตอนล่าง เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 50-100 ปี และอาจจะเป็นชิ้นส่วนของโครงกระดูกที่เคยพบมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการพิสูจน์อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากนั้นชาวบ้านได้ร่วมกันขุดหลุมดังกล่าวเพื่อค้นหาชิ้นส่วนกระดูกที่อาจจะฝังไว้อยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่หลังจากการขุดค้นประมาณ 40 นาที การค้นหาจึงหยุด ทางด้าน นายภาณุวัฒน์ จึงนำชิ้นส่วนกระดูกที่ค้นพบไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนให้ นางแหวก สามารถซ่อมแซมบ้านได้ต่อไป แต่หากพบเจอชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มเติมก็ขอให้แจ้งมายังสำนักศิลปากรที่ 15
