ปัตตานี - เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 2 จุด ใน 2 อำเภอ จุดแรกหน้าสถานีอนามัย อ.กะพ้อ จุดที่ 2 บริเวณโรงเรียนบ้านเกาะตา อ.โคกโพธิ์ เป็นเหตุให้ทหารชุด รปภ. ครูได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
เมื่อเวลา 07.40 น.วันนี้ (22 ก.พ.) พ.ต.อ.อดุลย์ ปีแนบาโง ผกก.สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดขึ้นหน้าสถานีอนามัยตะโละดือรามัน ม.4 ต.ตะโละดือรามัน จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ ไปถึงพบว่าเหตุระเบิดดังกล่าวไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพบว่า คนร้ายนำระเบิดมาซุกไว้ริมถนน พบชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทหารชุด รปภ.ครู ฉก.ปัตตานี 25 จำนวน 6 นายกำลังเดินตรวจเส้นทางก่อนที่คณะครูจะผ่าน ปรากฏว่า คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง แต่โชคดีที่ทหารเดินตามยุทธวิธีจึงปลอดภัย
ขณะที่เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.53 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.2514 ฉก.ปัตตานี 24 กำลังดูแลความปลอดภัยครูอยู่บริเวณโรงเรียนบ้านเกาะตา ริมถนนสาย 419 ม.3 ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ ปรากฏว่า คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง จนเกิดเสียงดังสนั่น แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที 2 นาย เจ้าหน้าที่รีบนำส่ง โรงพยาบาลโคกโพธิ์ ทราบชื่อ พลฯ บรรหาร ลักนาควร อายุ 22 ปี และ พลฯ ภัทรพรรค แก้วชู อายุ 22 ปี ทั้งสองถูกแรงระเบิด และสะเก็ดระเบิดเข้าลำตัวหลายแห่ง
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.ต.ท.จำลอง สุวรรณลักษณ์ สารวัตรใหญ่ สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ นำกำลังพร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบ พบว่า จุดเกิดเหตุอยู่ที่อาคารอเนกประสงค์ ตั้งอยู่ภายในโรงเรียน แรงระเบิดทำให้เสาของอาคารซึ่งเป็นครึ่งปูนครึ่งไม้ขาดทำให้ตัวอาคารทรุดพังลงมาได้รับความเสียหาย และพบหลุมระเบิดกว้าง 30 ซม. และชิ้นส่วนระเบิดชนิดเคโมกระจายไปทั่วบริเวณ
สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทั้ง 2 นาย พร้อมพวกรวม 7 นาย กระจายกำลังยืนดูแลความปลอดภัยครู และนักเรียน ปรากกฎว่า คนร้ายได้กดระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือจนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุนักเรียนและครูเพิ่งทยอยมาโรงเรียน แต่ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บทันที 2 นาย
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้วิทยุด่วนที่สุดถึงตำรวจทั้ง 12 อำเภอให้เพิ่มความระมัดระวังพื้นที่ โดยเฉพาะสถานที่ราชการ ย่านชุมชน พร้อมกำชับให้ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทันที เพื่อกดดันปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มก่อความไม่สงบมีโอกาสออกมาก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์