พ่อเฒ่าวัยดึกหึงโหดยิงเมีย และลูกดับสยองคาบ้าน ก่อนปลิดชีพตัวเองตายตาม

นครศรีธรรมราช - พ่อเฒ่าวัยดึกคลั่งหึงโหด ใช้ปืน .38 ยิงเมียพร้อมลูกเลี้ยงวัย 13 ปีดับสยองคาบ้าน ก่อนปลิดชีพตัวเองตายตาม รวม 3 ศพ ขณะที่ลูกเลี้ยงอีกคนรอดตายหวุดหวิด เพราะไม่อยู่บ้านขณะเกิดเหตุ

วันนี้ (20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.อ.นครินทร์ ละมัยมาศ พนักงานสอบสวนเวร สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายโดยใช้อาวุธปืน และมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุหลายราย เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 33 ม.7 บ้านทุ่งพัน ริมถนนสายดอนไคร-เขาวัด ต.กลาย อ.ท่าศาลา หลังจากนั้นจึงเข้าทำการสอบสวนในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุเทพ ก่อสกุล ผกก. เจ้าหน้าที่งานสืบสวน สายตรวจตำบล แพทย์เวรชันสูตร เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ และหน่วยกู้ภัยท่าศาลา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

ในที่เกิดเหตุท่ามกลางไทยมุงจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องกันบริเวณห้ามเข้าก่อนเข้าตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตนอนกระจัดกระจายอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง โดยรายแรกนอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นบ้าน ทราบชื่อคือ ด.ญ.พรพิมล ดำมี อายุ 13 ปี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าบริเวณลำตัว

อีก 2 รายต่อมา อยู่ในบริเวณบ้าน ทราบชื่อคือ นางพรรัตน์ สุขงอม อายุ 46 ปี ถูกยิงเข้าลำตัว และศีรษะ ใกล้กันคือ นายเรียม ผิวล้วน อายุ 76 ปี ทั้งหมดอยู่บ้านเลขที่เดียวกัน โดยนายเรียม นั้นมีบาดแผลถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าบริเวณขมับขวาทะลุซ้าย ทั้งนี้ บนพื้นดินพบอาวุธปืนขนาด .38 สเตนเลสตกอยู่ 1 กระบอก ในรังเพลิงลูกโม่พบมีปลอกกระสุนยิงไปแล้ว 4 ปลอก และกระสุนพร้อมใช้งานอีก 2 นัด ใกล้กันพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันถูกคัดทิ้งตกอยู่อีก 4 ปลอก นอกจากนี้ บนบ้านยังพบปลอกกระสุนชนิดเดียวกันอีกหลายนัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของพนักงานสอบสวนได้ความว่า ยังมีผู้รอดชีวิตอีก 1 ราย คือ นายพงศธร ดำมี อายุ 19 ปี บุตรชายของนางพรรัตน์ ที่ออกจากบ้านไปก่อนเกิดเหตุไม่นาน และเมื่อกลับมาอีกครั้งพบว่า คนทั้งบ้านเสียชีวิตไปหมดแล้ว ขณะที่พยานที่อยู่ใกล้บ้านที่เกิดเหตุแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงนายเรียมอาละวาดเสียงดังทะเลาะกับนางพรรัตน์ อย่างรุนแรง จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปดูเกรงว่าจะได้รับอันตราย เมื่อเสียงปืนเงียบลงแล้ว และไม่ได้ยินเสียงโวยวายทะเลาะวิวาทจึงค่อยๆ เดินเข้าไปดู จึงพบว่า ทั้ง 3 รายเสียชีวิตหมดแล้ว

ส่วนสาเหตุนั้น เบื้องต้นพบว่า อาจจะมาจากความหึงหวง เนื่องจากนายเรียมได้มาอยู่กินกับนางพรรัตน์ ซึ่งเป็นหม้ายลูกติด 2 คน มาได้กว่า 1 ปีแล้ว และนายเรียม มักออกอาการหึงหวงอย่างรุนแรงอยู่บ่อยครั้งจากสาเหตุที่นางพรรัตน์รู้จักคนในหมู่บ้านใกล้เคียงจำนวนมาก เนื่องจากต้องไปขายของในตลาดนัดเป็นประจำ ทำให้นายเรียมไม่พอใจอย่างหนักมักจะทะเลาะในเรื่องนี้อยู่เสมอ

โดยก่อนหน้ามา 2-3 วัน ก็ได้มีปากเสียงกันอย่างหนักมาแล้ว ก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะในเรื่องเดิมอีกครั้ง จนนายเรียม ซึ่งเป็นอดีตอาสารักษาดินแดนเก่า และมีอาวุธปืนติดตัวไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้ ใช้อาวุธปืนไล่ยิงนางพรรัตน์ และลูกหลายนัดจนกระสุนหมดรังเพลิง จากนั้นคัดปลอกกระสุนจากรังเพลิงทิ้งแล้วบรรจุกระสุนเข้าไปจนเต็มลูกโม่ แล้วยิงอีกรอบจนเห็นว่าทั้ง นางพรรัตน์ และ ด.ญ.พรพิมล เสียชีวิตแล้ว จึงใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองตายตาม ขณะที่ นายพงศธร พี่ชายของ ด.ญ.พรพิมล ออกจากบ้านไปจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด

ทั้งนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานทางคดีในที่เกิดเหตุแล้ว ได้ชันสูตรศพทั้ง 3 รายก่อนมอบให้ญาติไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป