ชุมพร - ตำรวจชุมพร บุกยึดคืนพื้นที่ป่าโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติครองราชย์ 50 ปี หลังถูกนายทุนบุกรุกยึดครองปลูกยางพารากว่าพันไร่
วันนี้ (6 มี.ค.) พ.ต.ท.ธนัญกรณ์ เลาหโชติ รอง ผกก.ป.สภ.บ้านมาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ปทส.ภ.จ.ชุมพร และ ร.ต.อ.เหมจักร บุญนาค สว.กก.5 บก.ปทส. รับแจ้งจาก นายทวี ศรีสวัสดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่า ที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำตกกะเปาะ โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติครองราชย์ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แปลงปลูกที่ APT19 พื้นที่ 2,000 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 12 ต.ชุมโค อ.ปะทิว ถูกนายทุนบุกรุกแผ้วถาง ตัดโค่น ใช้มีดกานรอบโคนต้น และใช้ยาฆ่าตอทาให้ยืนต้นตายได้รับความเสียหายจำนวนมาก แล้วนำต้นกล้ายางพาราไปปลูกแทนเพื่อยึดครองเป็นเจ้าของ
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบมีสภาพเป็นป่าที่ลาดเชิงเขา ซึ่งเป็นพื้นที่แปลงปลูกป่าที่ปลูกไม้ยืนต้นจำพวกต้นกระถินเทพา ต้นกระถินณรงค์ และไม้ธรรมชาติที่ขึ้นเองอีกจำนวนมาก โดยพบต้นกระถินณรงค์ กระถินเทพาขนาดใหญ่จำนวนมาก ถูกนายทุนใช้มีด เครื่องเลื่อยยนต์ และขวานฟันเปลือกไม้ออกจนรอบลำต้น แล้วใช้ยาฆ่าตอทาเพื่อให้ไม้ยืนต้นตาย และพบว่า ระหว่างแถวของต้นกระถินเทพา กระถินณรงค์ ถูกผู้บุกรุกได้นำต้นกล้ายางพาราอายุ 1-2 ปี ไปปลูกไว้เป็นแนวยาวจำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่จับพิกัดด้วยเครื่อง GPS พบว่า พื้นที่ถูกบุกรุกทำลาย และปลูกยาพาราดังกล่าวมีจำนวนกว่า 50 ไร่ นอกจากนั้น ยังพบต้นกระถินเทพา อายุ 18 ปี ถูกกานให้ยืนต้นตายอีกจำนวนพันกว่าไร่ จึงทำบันทึกตรวจยึดพื้นที่ไว้
โดย พ.ต.ท.ธนัญกรณ์ เลาหโชติ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ปทส.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า พื้นที่ผืนป่าที่ถูกบุกรุกดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่า “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ ครองราชย์ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ป่าผืนนี้มีเนื้อที่ 2,000 ไร่ อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าต้นน้ำตกกระเปาะ อ.ปะทิว โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุนงบประมาณในการปลูกป่า เมื่อปี พ.ศ.2538-2539 เพื่อฟืนฟูสภาพป่าพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบภัยพายุใต้ฝุ่นเกย์ให้ฟื้นกลับคืนมาใหม่
“แต่ก็มาถูกนายทุนที่เห็นแก่ได้บุกรุกพื้นที่ทำลายต้นไม้เพื่อยึดพื้นที่ไปปลูกต้นยาพารา โดยใช้วิธีกานไม้ และใช้ยาฆ่าตอทาเพื่อให้ยืนต้นตาย เบื้องต้น จากการประเมินค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจยึดพื้นที่ที่ถูกบุกรุกไว้ก่อน และได้แจ้งความกล่าวโทษผู้บุกรุกไว้ที่ สภ.ปะทิว เพื่อจะได้สืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว”
วันนี้ (6 มี.ค.) พ.ต.ท.ธนัญกรณ์ เลาหโชติ รอง ผกก.ป.สภ.บ้านมาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ปทส.ภ.จ.ชุมพร และ ร.ต.อ.เหมจักร บุญนาค สว.กก.5 บก.ปทส. รับแจ้งจาก นายทวี ศรีสวัสดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่า ที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำตกกะเปาะ โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติครองราชย์ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แปลงปลูกที่ APT19 พื้นที่ 2,000 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 12 ต.ชุมโค อ.ปะทิว ถูกนายทุนบุกรุกแผ้วถาง ตัดโค่น ใช้มีดกานรอบโคนต้น และใช้ยาฆ่าตอทาให้ยืนต้นตายได้รับความเสียหายจำนวนมาก แล้วนำต้นกล้ายางพาราไปปลูกแทนเพื่อยึดครองเป็นเจ้าของ
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบมีสภาพเป็นป่าที่ลาดเชิงเขา ซึ่งเป็นพื้นที่แปลงปลูกป่าที่ปลูกไม้ยืนต้นจำพวกต้นกระถินเทพา ต้นกระถินณรงค์ และไม้ธรรมชาติที่ขึ้นเองอีกจำนวนมาก โดยพบต้นกระถินณรงค์ กระถินเทพาขนาดใหญ่จำนวนมาก ถูกนายทุนใช้มีด เครื่องเลื่อยยนต์ และขวานฟันเปลือกไม้ออกจนรอบลำต้น แล้วใช้ยาฆ่าตอทาเพื่อให้ไม้ยืนต้นตาย และพบว่า ระหว่างแถวของต้นกระถินเทพา กระถินณรงค์ ถูกผู้บุกรุกได้นำต้นกล้ายางพาราอายุ 1-2 ปี ไปปลูกไว้เป็นแนวยาวจำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่จับพิกัดด้วยเครื่อง GPS พบว่า พื้นที่ถูกบุกรุกทำลาย และปลูกยาพาราดังกล่าวมีจำนวนกว่า 50 ไร่ นอกจากนั้น ยังพบต้นกระถินเทพา อายุ 18 ปี ถูกกานให้ยืนต้นตายอีกจำนวนพันกว่าไร่ จึงทำบันทึกตรวจยึดพื้นที่ไว้
โดย พ.ต.ท.ธนัญกรณ์ เลาหโชติ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ปทส.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า พื้นที่ผืนป่าที่ถูกบุกรุกดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่า “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ ครองราชย์ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ป่าผืนนี้มีเนื้อที่ 2,000 ไร่ อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าต้นน้ำตกกระเปาะ อ.ปะทิว โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุนงบประมาณในการปลูกป่า เมื่อปี พ.ศ.2538-2539 เพื่อฟืนฟูสภาพป่าพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบภัยพายุใต้ฝุ่นเกย์ให้ฟื้นกลับคืนมาใหม่
“แต่ก็มาถูกนายทุนที่เห็นแก่ได้บุกรุกพื้นที่ทำลายต้นไม้เพื่อยึดพื้นที่ไปปลูกต้นยาพารา โดยใช้วิธีกานไม้ และใช้ยาฆ่าตอทาเพื่อให้ยืนต้นตาย เบื้องต้น จากการประเมินค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจยึดพื้นที่ที่ถูกบุกรุกไว้ก่อน และได้แจ้งความกล่าวโทษผู้บุกรุกไว้ที่ สภ.ปะทิว เพื่อจะได้สืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว”
