สุราษฎร์ธานี - 3 ต่างชาติชั่วตั้งแก๊งตระเวนลักทรัพย์นักท่องเที่ยวบนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ตำรวจตามรวบได้ที่กระบี่ ยึดของกลางอื้อ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (26 ก.พ.) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์นักท่องเที่ยว ที่บังกะโลบนเกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.กระบี่ ทราบชื่อคือ นายโบมา เดียร์นี่ (MR.BOUMADIANI) อายุ 40 ปี นายบารุค ซาลาส (MR.BAHLOULACHRAF) อายุ 26 ปี สัญชาติโมร็อกโก นายมูหัมเหม็ด (MR.MOHAMMED) อายุ 28 ปี สัญชาติแอลจีเรีย พร้อมของกลางรวม 20 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือโอโฟน 4 เอส เงินสด พาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คีมตัดเหล็ก และเหล็กสกัด เงินสกุลต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งเป็นผู้เสียหายเดินทางไปตรวจสอบทรัพย์สิน
สำหรับพฤติกรรมกของผู้ต้องหานั้น จะแฝงตัวปะปนไปกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยกัน แล้วตระเวนลักทรัพย์ไปตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง โดยมีพฤติกรรมก่อเหตุมานานแล้ว แต่รอดการจับกุมไปได้ทุกครั้ง โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.พ.56 ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในห้องพัก 223 และ 225 บังกะโลหาดยาวเบย์วิว รีสอร์ท อ.เกาะพะงัน โดยที่ผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเจ้าของห้องพักได้แจ้งเบาะแสต่อตำรวจว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ซึ่งพักอยู่ที่ห้อง 401 ท่าทางมีพิรุธ ต่อมา พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 นั่งเรือหลบหนีออกจากเกาะพะงันโดยนั่งเรือโดยสารไปขึ้นรถโดยสารประจำทาง มุ่งหน้าไป จ.กระบี่ ทางตำรวจ สภ.เกาะพะงัน จึงประสานตำรวจกระบี่จับกุมได้ดังกล่าว
โดยผู้ต้องหาให้การว่า ตั้งใจจะนำทรัพย์สินทั้งหมดไปขายต่อที่ห้างมาบุญครอง เพื่อนำเงินไปเที่ยวต่อ และตระเวนลักทรัพย์ต่อ ทางตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น” ดำเนินคดีต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหาดังกล่าวให้การอีกว่า 2 คนแรกรู้จักกันที่อินโดนีเซีย จากนั้นมารู้จักกับผู้ต้องหารายที่ 3 ในประเทศไทย จึงชักชวนกันตั้งแก๊งลักทรัพย์ และงัดแงะ ทำมาแล้ว 7-8 ครั้ง
ขณะที่ พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้แฝงตัวมาในคราบของนักท่องเที่ยว ตระเวนลักทรัพย์ตามบังกะโล และรีสอร์ตมาหลายครั้งแล้ว สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่การท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่น้อย
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (26 ก.พ.) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์นักท่องเที่ยว ที่บังกะโลบนเกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.กระบี่ ทราบชื่อคือ นายโบมา เดียร์นี่ (MR.BOUMADIANI) อายุ 40 ปี นายบารุค ซาลาส (MR.BAHLOULACHRAF) อายุ 26 ปี สัญชาติโมร็อกโก นายมูหัมเหม็ด (MR.MOHAMMED) อายุ 28 ปี สัญชาติแอลจีเรีย พร้อมของกลางรวม 20 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือโอโฟน 4 เอส เงินสด พาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คีมตัดเหล็ก และเหล็กสกัด เงินสกุลต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งเป็นผู้เสียหายเดินทางไปตรวจสอบทรัพย์สิน
สำหรับพฤติกรรมกของผู้ต้องหานั้น จะแฝงตัวปะปนไปกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยกัน แล้วตระเวนลักทรัพย์ไปตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง โดยมีพฤติกรรมก่อเหตุมานานแล้ว แต่รอดการจับกุมไปได้ทุกครั้ง โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.พ.56 ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในห้องพัก 223 และ 225 บังกะโลหาดยาวเบย์วิว รีสอร์ท อ.เกาะพะงัน โดยที่ผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเจ้าของห้องพักได้แจ้งเบาะแสต่อตำรวจว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ซึ่งพักอยู่ที่ห้อง 401 ท่าทางมีพิรุธ ต่อมา พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 นั่งเรือหลบหนีออกจากเกาะพะงันโดยนั่งเรือโดยสารไปขึ้นรถโดยสารประจำทาง มุ่งหน้าไป จ.กระบี่ ทางตำรวจ สภ.เกาะพะงัน จึงประสานตำรวจกระบี่จับกุมได้ดังกล่าว
โดยผู้ต้องหาให้การว่า ตั้งใจจะนำทรัพย์สินทั้งหมดไปขายต่อที่ห้างมาบุญครอง เพื่อนำเงินไปเที่ยวต่อ และตระเวนลักทรัพย์ต่อ ทางตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น” ดำเนินคดีต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหาดังกล่าวให้การอีกว่า 2 คนแรกรู้จักกันที่อินโดนีเซีย จากนั้นมารู้จักกับผู้ต้องหารายที่ 3 ในประเทศไทย จึงชักชวนกันตั้งแก๊งลักทรัพย์ และงัดแงะ ทำมาแล้ว 7-8 ครั้ง
ขณะที่ พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้แฝงตัวมาในคราบของนักท่องเที่ยว ตระเวนลักทรัพย์ตามบังกะโล และรีสอร์ตมาหลายครั้งแล้ว สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่การท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่น้อย
