xs
xsm
sm
md
lg

“มะซอเร ดือรามะ” มือป่วนปัตตานี RKK ระดับสั่งการ-เชี่ยวชาญประกอบระเบิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
พลันที่เกิดระเบิดป่วนเมืองปัตตานี 11 จุดระลอกล่าสุด ชนิดข้ามวันข้ามคืนระหว่าง 16-17 ก.พ.25556 ที่เพิ่งผ่านมา ชื่อเสียงเรียงนามของชายหนุ่มผมยาวประบ่า มีหนวดเคราดูดี จมูกโด่ง หน้าตาคมสันตามสไตล์คนเชื้อชาติมลายูก็กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง
 
ด้วยเขาตกเป็นข่าวอยู่ในหน้าสื่อมวลชนทุกสำนัก และทุกแขนง และยิ่งหากทราบประวัติความเป็นมา รวมถึงผลงานที่เขาก่อไว้กับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งพบว่าชื่อเชียงเรียงนามของเขาไม่ธรรมดาเอาเลยทีเดียว
 
“มะซอเร ดือรามะ”
 
ณ ห้วงเวลานี้ เขามีอายุกว่า 33 ปี พื้นเพเป็นชาวปัตตานี บ้านเดิมอยู่ที่ 3/3 ม.6 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับว่าเขาใช้ชีวิตอย่างโลดโผน และโชกโชนมาโดยตลอด
 
แฟ้มภาพ
 
ประวัติในแฟ้มอาชญากรรมของหน่วยข่าวความมั่นคงระบุว่า ปัจจุบัน นายมะซอเร ดือรามะ ถือเป็นแกนนำของกองกำลังกลุ่ม “RKK (Runda Kumpulan Kecil)” ซึ่งเป็นคำเรียกขานที่มาจากภาษาอินโดนีเซีย หรือว่าให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “หน่วยรบคอมมานโคขนาดเล็ก” ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
 
โดยเขานอกจากจะเป็นทั้งระดับ “สั่งการ” และร่วม “ปฏิบัติการ” แล้ว ยังจัดว่ามีความ “เชี่ยวชาญ” ในการประกอบ “ระเบิดแสวงเครื่อง” ให้แก่กลุ่มอาร์เคเคอีกด้วย และไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถที่จะนำระเบิดที่ประกอบขึ้นกับมือไปประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” ได้อีกต่างหาก
 
เขามีพื้นที่รับผิดชอบปฏิบัติการหลักๆ และกระทำมาแล้วอย่างช่ำชองอยู่ใน จ.ปัตตานี แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาข้ามไปร่วมปฏิบัติการนอกพื้นที่ในการก่อเหตุครั้งใหญ่ จึงเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากของทางการไทย เนื่องจากได้ร่วมก่อเหตุด้วยตัวเอง และอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้มาอย่างต่อเนื่อง จนมีการตั้งค่าหัวของเขาไว้แล้วที่ 5 แสนบาท
 
ผลงานชิ้นโบดำของเขาที่เป็นที่กล่าวขานมีอยู่มากมาย ซึ่งนอกจากเหตุการณ์วางระเบิดเพลิง และระเบิดประกอบในถังแก๊สป่วนเมืองปัตตานีเที่ยวล่าสุดวันที่ 16-17 ก.พ.ที่มี อส.เสียชีวิต 3 ศพ และมีผู้บาดเจ็บนับสิบราย ห้างไดอาน่าซูเปอร์มาร์เก็ตถูกเผาวอดไปทั้งหมด และทรัพย์สินประชาชนเสียหายอีกมากมายไปแล้วนั้น
 
ฝีมือการก่อเหตุร้ายอื่นๆ ของเขาที่เป็นที่สังคมต้องจดจำถึงความหฤโหดแบบขนลุกขนพองยังประกอบไปด้วย เหตุการณ์คาร์บอมบ์โรงแรม และห้างสรรพสินค้าลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2555 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บระนาว โดยเขาทั้งประกอบระเบิด และขับรถยนต์ที่ติดตั้งระเบิดไปจอดในที่จอดรถใต้อาคารด้วยตัวเอง
 
เหตุการณ์คาร์บอมบ์โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2555 ที่นอกจากจะทำให้ไฟไหม้อาคาร หม้อแปลงไฟฟ้า และสายไฟในบริเวณได้รับความเสียหายแล้ว ยังทำให้เกิดไฟดับเกือบทั้งเมืองปัตตานี ซึ่งมีนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมบาดเจ็บ 5 ราย
 
เหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2555 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 8 ราย รวมถึงรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณเสียหายไปด้วยอีกหลายสิบคัน
 
ยังมีอีก เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2555 เขายังเป็นแกนนำปฏิบัติการลอบวางระเบิด และเผาเมืองในหลายพื้นที่ของ จ.ปัตตานี โดยภาพที่หลายคนน่าจะยังจำกันได้ดีก็คือ การเผาโชว์รูมรถยนต์ของบริษัท ปัตตานี ฮอนด้า คาร์ จำกัด ในพื้นที่ ม.7 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีรถยนต์ที่รอส่งมอบให้ลูกค้าวอดวายไปถึง 15 คัน
 
นอกจากนี้ เขายังได้ก่อเหตุที่นับว่าสะเทือนขวัญ และสั่นไหวในความรู้สึกของผู้คนไว้มากมายด้วย อย่างกรณีลอบวางระเบิดพระ และทหารชุดคุ้มครองพระขณะออกบิณฑบาต ซึ่งทำให้ทั้งพระ และทหารเสียชีวิตถึง 5 ราย เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2554 หรือกรณีลอบยิงครูนันทนา แก้วจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2555 รวมถึงลอบเผาโรงเรียนบ้านบือแนปีแน ม.7 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2555 และลอบเผาโรงเรียนตลาดนัดต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2555 เป็นต้น
 
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเคยร่วม หรือมีส่วนในการบุกถล่มฐานปฏิบัติการทหารอีกด้วย ซึ่งมีข้อมูลระบุว่า มีเหตุการณ์ที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้อง ได้แก่ กรณีลอบถล่มฐานทหาร ฉก.25 ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2555 มีทหารเสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บ 2 นาย และกรณีลอบยิงฐานทหารในโรงเรียนบ้านตะโลซูแม ม.4 ต.กรงปีนัง อ.กรงปีนัง จ.ยะลา มีทหารเสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บ 6 นาย เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2555
 
เหล่านี้คือบางส่วนที่พอจะประมวลผลงานชิ้นโบดำของนายมะซอเร ดือรามะ ได้จากที่เขาเคยตกเป็นข่าว และข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงต้องติดตามกันต่อไป
 


กำลังโหลดความคิดเห็น