xs
xsm
sm
md
lg

ตร.นครศรีฯ จับมือยิง “ทนายเติ้ง” ได้แล้ว แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - ตร.นครศรีฯ จับมือยิง “ทนายเติ้ง” ทนายความชื่อดังได้แล้ว แต่ผู้ต้องหายังปฏิเสธ ขณะที่ ผบก.ยันมีประจักษ์พยานยืนยันรวมทั้งหลักฐานชัดเจน มั่นใจว่าความหนาแน่นของสำนวนจะสามารถดำเนินคดีได้

วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมือง คุมตัว นายสมพร ศรีมังมาตร์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 ม.4 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตกเป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่านายทวีลาภ สุขสว่างโรจน์ หรือทนายเติ้ง อายุ 36 ปี ทนายความชื่อดัง อยู่บ้านเลขที่ 99/160 ม.5 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตที่บ้านเลข 53 ม.3 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของนางศศิธร สุขสว่างโรจน์ อายุ 30 ปี ภรรยา เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายทวีลาภลงจากรถส่วนตัวเมื่อเข้าบ้าน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าภรรยาและลูกของนายทวีลาภ

พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ระบุว่าชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่จนได้หลักฐานที่แน่ชัด รวมทั้งประจักษ์พยานที่สอดคล้องต้องกันว่า นายสมพรคือผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงนายทวีลาภ หลังจากนั้นจึงได้สรุปสำนวนขอหมายจับกุมจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยศาลได้อนุมัติหมายเลขที่ 27/2556 ลงวันที่ 28 ม.ค. 56 ความอาญาให้จับกุมตัวนายสมพร ศรีมังมาตร์ ในฐานความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และพกพาอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร

ขณะที่นายสมพรยังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าในวันเกิดเหตุตนเองอยู่ในตลาดกับญาติพี่น้อง ขณะที่ตำรวจระบุว่าแม้นายสมพรปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานและประจักษ์พยานที่ชัดเจน และมั่นใจว่าความหนาแน่นของสำนวนจะสามารถดำเนินคดีนายสมพรได้

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 17.30 น.ของวันที่ 23 ม.ค. 56 ที่ผ่านมา ขณะที่นายทวีลาภ ผู้ตายและภรรยากลับเข้าบ้าน ได้มีคนร้าย 2 คนใช้อาวุธปืนยิงนายทวีลาภขณะยืนอยู่ข้างรถยนต์ข้างบ้านจนล้มฟุบเสียชีวิตต่อหน้านางศศิธร ส่วนสาเหตุนั้นในทางสืบสวนพบว่ามาจากประเด็นที่นายทวีลาภเป็นทีมทนายของฝ่ายโจทก์ ซึ่งมีปัญหาญาตินายสมพรซึ่งเป็นจำเลย ในที่สุดทนายโจทก์ทำคดีอย่างแน่นหนาจนส่งผลให้จำเลยถูกศาลลงโทษจำคุกถึง 13 ปี เป็นมูลเหตุที่สำคัญ

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น