กระบี่ - ฮือฮาพบลูกพะยูนแฝดคู่แรกที่ทะเลกระบี่ บริเวณชายฝั่งทะเลเกาะศรีบอยา ฝากชาวประมงช่วยกันอนุรักษ์ และเพิ่มหญ้าทะเลให้มากขึ้น
นายปิยะวัฒน์ พรหมรักษา หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำศูนย์วิทยบริการ ม.เกษตรศาสตร์ จ.กระบี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อปี 2555 ทาง ม.เกษตรศาสตร์ได้ทำวิจัยขึ้นบินสำรวจพะยูนในทะเลกระบี่ บริเวณตำบลเกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง ซึ่งเป็นแหล่งหญ้าทะเลมีพื้นที่ประมาณ 10,000 ไร่ ซึ่งจากการบินสำรวจเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2555 ได้ค้นพบพะยูนเพศเมีย และมีลูกแฝด 2 ตัว ว่ายน้ำเคียงข้างกัน ซึ่งถือเป็นตัวแรกของพะยูนที่ออกลูกแฝดและได้ค้นพบในทะเลกระบี่เป็นครั้งแรก เพราะตามธรรมชาติแล้วพะยูนจะมีลูกครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น
นายปิยะวัฒน์กล่าวอีกว่า บริเวณเกาะศรีบอยา ซึ่งมีเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ เป็นที่อยู่ของพะยูนที่เป็นสัตว์สงวนที่สำคัญ โดยจากการบินสำรวจนั้นได้พบพะยูนทั้งสิ้น 16 ตัว ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนๆ ที่จะพบแค่ 4-5 ตัวเท่านั้น บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลกระบี่ ซึ่งหลังจากนี้ทาง ม.เกษตรศาสตร์ จ.กระบี่ก็จะเดินหน้าในการอนุรักษ์พะยูน โดยจะดึงชุมชน เยาวชน รวมถึงชาวประมงพื้นบ้านในการปลูกหญ้าทะเล ใบมะกรูด ตามโครงการบ้านปลา เพื่อเพิ่มพื้นที่ของแหล่งหญ้าทะเลให้มากขึ้น ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้
หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำศูนย์วิทยบริการ ม.เกษตรศาสตร์ จ.กระบี่ กล่าวต่อไปอีกว่า จังหวัดกระบี่มีแหล่งหญ้าทะเลประมาณ 10,000 ไร่ ขณะที่ จ.ตรัง ซึ่งมีพื้นที่ติดกันมีแหล่งหญ้าทะเลอยู่ถึง 2 หมื่นกว่าไร่ และมีพะยูนกว่า 200 ตัว ดังนั้น หากได้มีการเพิ่มพื้นที่แหล่งหากินของพะยูนก็จะทำให้มีพะยูนเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญอย่างมาก คือ จิตสำนึกของชาวประมง เพราะขณะนี้มีสาเหตุที่ทำให้พะยูนลดจำนวนลง หรือความเสี่ยงต่อพะยูนก็คือเครื่องมือประมง เช่น อวน และเบ็ดราไว หรือเบ็ดที่มีความคมและมีขนาดใหญ่ ก็จะทำให้พะยูนตายได้
หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอนุรักษ์เชื่อว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ก็จะอยู่คู่กระบี่ต่อไป และประการสำคัญอีกประการหนึ่ง การขุดลอกร่องน้ำเพื่อให้เรือขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าก็จะเป็นทำลายหญ้าทะเล และเป็นการรบกวนถิ่นที่อยู่อาศัยของพะยูนได้ สิ่งเหล่านี้ทางภาครัฐและชุมชนมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรในท้องถิ่นที่อื่นไม่มี