ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - มกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ทรงเป็นประธานในพิธีลงนาม MOU และพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าวรัฐปะลิส เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร และเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน เตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ตวนกู ซัยด ฟัยซุดดีน ปุตรา จามาลุลลัยล์ มกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ทรงเสด็จออกพร้อมตวนกู ฮาญะห์ ลัยลาตุล ชารีน อาคาชาห์ คาลิล พระวรชายา เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันระหว่างสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าวรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย (KELAB MEDIA PERLIS - KEMPs) ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ประจำรัฐปะลิส เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา และในโอกาสนี้ ตวนกู ซัยด ฟัยซุดดีน ปุตรา จามาลุลลัยล์ มกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย พระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่สื่อมวลชนของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีตัวแทนสื่อมวลชนจากสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย สื่อมวลชนในรัฐปะลิส กงสุลมาเลเซียประจำประเทศไทย ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ประจำรัฐปะลิส และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานรวมกว่า 100 คน
ตวนกู ซัยด ฟัยซุดดีน ปุตรา จามาลุลลัยล์ มกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะลิส ทรงมีพระราชดำรัสว่า การลงนามความร่วมมือระหว่างสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าวรัฐปะลิสในครั้งนี้ เป็นนิมิตหมายอันดีในการเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องรวดเร็วระหว่างกัน และถึงแม้จะมีอุปสรรคด้านภาษาบ้างแต่ก็มิใช่ปัญหาใหญ่ และในโอกาสนี้พระองค์มีพระราชประสงค์ให้สื่อมวลชนไทยช่วยประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การศึกษาในรัฐปะลิส และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
สำหรับด้านการศึกษา รัฐปะลิสมีมหาวิทยาลัยมาเลเซียประจำรัฐปะลิส (Universiti Malaysia Perlis - UNIMAP) ซึ่งเปิดสอนหลายสาขาวิชา และปัจจุบัน มีนักเรียนต่างชาติประมาณ 500 คน จาก 20 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ส่วนด้านการท่องเที่ยว รัฐปะลิสมีทิวทัศน์ที่สวยงาม และดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น การชมพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดใกล้กับกัวลาปะลิส ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมารอชมพระอาทิตย์ตกที่นี่วันละประมาณ 1,000 คน นอกจากนี้ ยังมีสวนสมุนไพร ทะเลสาบ ถ้ำกัวเกอลัม สวนงู และสัตว์เลื้อยคลาน เป็นต้น
สำหรับการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ พระองค์มีพระราชประสงค์ว่า สื่อมวลชนทั้ง 2 ฝ่ายจะใกล้ชิดกันมากขึ้น และจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศมาเลเซียสืบไป และในอนาคต จะมีการลงนามความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวนี้ระหว่างสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวรัฐปะลิส และสมาคมนักข่าวจากสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียด้วย
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือกับสมาคมนักข่าวรัฐปะลิส ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสาร และข้อเท็จจริงระหว่างกัน ตลอดจนส่งเสริมการรายงานข่าวให้เป็นไปตามหลักสากล ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่สมาคม และผู้ประกอบอาชีพสื่อมวลชน รวมทั้งประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 หรืออีก 2 ปีที่จะถึงด้วย
ด้านนายอัดนัน เจะฮายา นายกสมาคมสื่อมวลชนรัฐปะลิส กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้พบปะกับสื่อมวลชนจากภาคใต้ของไทย เนื่องจากที่ผ่านมา การนำเสนอข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับประเทศไทย โดยเฉพาะข่าวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่อนข้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากอุปสรรคทางด้านภาษา ตลอดจนความไม่ชำนาญพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีชาวมาเลเซียบาดเจ็บจากเหตุความรุนแรงก็ไม่สามารถติดต่อแหล่งข่าว หรือหาข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับข่าวได้ ดังนั้น การลงนามความร่วมมือระหว่างกันจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวที่ถูกต้องตามความเป็นจริง รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว ตรงตามข้อเท็จจริง ทันต่อเหตุการณ์ และนำเสนอข่าวอย่างเป็นกลางที่สุด รวมทั้งสนับสนุนให้ความร่วมมือที่ดีเกี่ยวกับประเด็นข่าวที่มีการร้องขอ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกเรื่องที่พัก การเดินทาง และความปลอดภัยระหว่างกันด้วย
สำหรับรัฐปะลิส เป็นรัฐที่เล็กที่สุดของประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ติดกับชายแดน จ.สงขลา และ จ.สตูล มีพื้นที่ประมาณ 800 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 250,000 คน นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 70 ส่วนที่เหลือเป็นชาวจีน อินเดีย และพุทธ และเนื่องจากเคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศไทยจึงมีประชากรที่พูดภาษาไทยอยู่ประมาณ 6,000 คน ทั้งนี้ สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ทั้งทางบก และทางทะเล โดยทางบกผ่านทางด่านพรมแดน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ด่านพรแดนบ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา และด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ส่วนทางทะเลสามารถนั่งเรือจากท่าเรือตำมะลัง จ.สตูล ไปยังกัวลาปะลิสได้โดยตรง หรือนั่งเรือจากท่าเรือตำมะลังไปยังเกาะลังกาวีซึ่งอยู่ในรัฐเกดะห์ และต่อเรือไปยังกัวลาปะลิสอีกทอดหนึ่ง
ตวนกู ซัยด ฟัยซุดดีน ปุตรา จามาลุลลัยล์ มกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ทรงเสด็จออกพร้อมตวนกู ฮาญะห์ ลัยลาตุล ชารีน อาคาชาห์ คาลิล พระวรชายา เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันระหว่างสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าวรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย (KELAB MEDIA PERLIS - KEMPs) ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ประจำรัฐปะลิส เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา และในโอกาสนี้ ตวนกู ซัยด ฟัยซุดดีน ปุตรา จามาลุลลัยล์ มกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย พระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่สื่อมวลชนของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีตัวแทนสื่อมวลชนจากสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย สื่อมวลชนในรัฐปะลิส กงสุลมาเลเซียประจำประเทศไทย ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ประจำรัฐปะลิส และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานรวมกว่า 100 คน
ตวนกู ซัยด ฟัยซุดดีน ปุตรา จามาลุลลัยล์ มกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะลิส ทรงมีพระราชดำรัสว่า การลงนามความร่วมมือระหว่างสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าวรัฐปะลิสในครั้งนี้ เป็นนิมิตหมายอันดีในการเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องรวดเร็วระหว่างกัน และถึงแม้จะมีอุปสรรคด้านภาษาบ้างแต่ก็มิใช่ปัญหาใหญ่ และในโอกาสนี้พระองค์มีพระราชประสงค์ให้สื่อมวลชนไทยช่วยประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การศึกษาในรัฐปะลิส และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
สำหรับด้านการศึกษา รัฐปะลิสมีมหาวิทยาลัยมาเลเซียประจำรัฐปะลิส (Universiti Malaysia Perlis - UNIMAP) ซึ่งเปิดสอนหลายสาขาวิชา และปัจจุบัน มีนักเรียนต่างชาติประมาณ 500 คน จาก 20 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ส่วนด้านการท่องเที่ยว รัฐปะลิสมีทิวทัศน์ที่สวยงาม และดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น การชมพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดใกล้กับกัวลาปะลิส ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมารอชมพระอาทิตย์ตกที่นี่วันละประมาณ 1,000 คน นอกจากนี้ ยังมีสวนสมุนไพร ทะเลสาบ ถ้ำกัวเกอลัม สวนงู และสัตว์เลื้อยคลาน เป็นต้น
สำหรับการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ พระองค์มีพระราชประสงค์ว่า สื่อมวลชนทั้ง 2 ฝ่ายจะใกล้ชิดกันมากขึ้น และจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศมาเลเซียสืบไป และในอนาคต จะมีการลงนามความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวนี้ระหว่างสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวรัฐปะลิส และสมาคมนักข่าวจากสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียด้วย
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือกับสมาคมนักข่าวรัฐปะลิส ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสาร และข้อเท็จจริงระหว่างกัน ตลอดจนส่งเสริมการรายงานข่าวให้เป็นไปตามหลักสากล ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่สมาคม และผู้ประกอบอาชีพสื่อมวลชน รวมทั้งประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 หรืออีก 2 ปีที่จะถึงด้วย
ด้านนายอัดนัน เจะฮายา นายกสมาคมสื่อมวลชนรัฐปะลิส กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้พบปะกับสื่อมวลชนจากภาคใต้ของไทย เนื่องจากที่ผ่านมา การนำเสนอข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับประเทศไทย โดยเฉพาะข่าวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่อนข้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากอุปสรรคทางด้านภาษา ตลอดจนความไม่ชำนาญพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีชาวมาเลเซียบาดเจ็บจากเหตุความรุนแรงก็ไม่สามารถติดต่อแหล่งข่าว หรือหาข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับข่าวได้ ดังนั้น การลงนามความร่วมมือระหว่างกันจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวที่ถูกต้องตามความเป็นจริง รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว ตรงตามข้อเท็จจริง ทันต่อเหตุการณ์ และนำเสนอข่าวอย่างเป็นกลางที่สุด รวมทั้งสนับสนุนให้ความร่วมมือที่ดีเกี่ยวกับประเด็นข่าวที่มีการร้องขอ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกเรื่องที่พัก การเดินทาง และความปลอดภัยระหว่างกันด้วย
สำหรับรัฐปะลิส เป็นรัฐที่เล็กที่สุดของประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ติดกับชายแดน จ.สงขลา และ จ.สตูล มีพื้นที่ประมาณ 800 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 250,000 คน นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 70 ส่วนที่เหลือเป็นชาวจีน อินเดีย และพุทธ และเนื่องจากเคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศไทยจึงมีประชากรที่พูดภาษาไทยอยู่ประมาณ 6,000 คน ทั้งนี้ สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ทั้งทางบก และทางทะเล โดยทางบกผ่านทางด่านพรมแดน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ด่านพรแดนบ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา และด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ส่วนทางทะเลสามารถนั่งเรือจากท่าเรือตำมะลัง จ.สตูล ไปยังกัวลาปะลิสได้โดยตรง หรือนั่งเรือจากท่าเรือตำมะลังไปยังเกาะลังกาวีซึ่งอยู่ในรัฐเกดะห์ และต่อเรือไปยังกัวลาปะลิสอีกทอดหนึ่ง