xs
xsm
sm
md
lg

“ธนนท์ จำเริญ” เดอะ วอยซ์ คนแรกของเมืองไทย ชีวิตจริงก็เหมือนเกมส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังคว้าตำแหน่ง “เดอะ วอยซ์” คนแรกของเมืองไทย “ธนนท์ จำเริญ” ได้กลับมาเรียนที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต และใช้เวลาหลังเลิกเรียนของวันหนึ่ง มานั่งคุยกับพี่ๆ สื่อมวลชนในภูเก็ต ที่ร้านกาแฟ “เดอ หลาด” พร้อมกับเปิดใจหลังจากได้รับตำแหน่งเดอะ วอยซ์ คนแรกของเมืองไทยทุกแง่มุม

อยากให้น้องนนท์เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กก่อนที่จะเข้าประกวดรายการ เดอะ วอยซ์

ตอนเด็กๆ ก็เล่นไปตามประสาเด็กทั่วไป จนใกล้ๆ บ้านมีร้านคาราโอเกะมาเปิด เจ้าของร้านเปิดให้ร้องทุกวัน ทำให้ชอบร้องเพลงมาเรื่อยๆ และเข้าไปสมัครเป็นนักร้องของวงดนตรีลูกทุ่งซุปเปอร์แดนซ์ โรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง ก็ร้องมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ ป.2 จนถึง ป.6 ก็หยุดร้อง ซึ่งตรงกับช่วงเสียงแตกพอดี ตอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองเสียงแตก รู้แต่ว่าไม่สามารถควบคุมเสียงของตัวเองได้ ก็หยุดร้องไป แต่ยังชอบดนตรีอยู่ ช่วงที่หยุดร้องก็หันไปเล่นกลองตามพี่ชาย พอเรียนอยู่ชั้น ม.1-ม.2 ก็ไปหัดเล่นกีตาร์ ตอนนั้นไม่ร้องเพลงแล้วไม่อยากร้อง ร้องไม่ได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งก็หัดเล่นกีตาร์ไปด้วยร้องเพลงไปด้วยก็ร้องได้ เลยหันกับมาร้องเพลงใหม่อีกครั้ง และหันมาร้องเพลงสตริง มันเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ในแนวเพลงสตริง จากที่เคยร้องแต่เพลงลูกทุ่ง พอมาร้องสตริงก็เล่นกันเป็นวงชื่อวงซิกม่า มีสมาชิกวงเยอะมาก แต่ไม่มีพื้นที่ให้แสดงออก ก็มาเล่นที่หลาดปล่อยของ ในตัวเมืองภูเก็ต ครั้งแรกที่ร้องเพลงสตริงจะมีวัยรุ่นมาดูเยอะมากเหมือนกับได้ร้อง ได้เล่นกับรุ่นเดียวกัน รู้สึกสนุกอยากร้องนานๆ จากที่ร้องเพลงลูกทุ่ง มีแต่เด็กและคนสูงอายุทั้งนั้น จึงร้องเพลงสตริง และลูกทุ่งควบคู่กันมาตั้งแต่ตอนนั้น

จนมาถึงเวที เดอะ วอยซ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปรายการหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมาก รู้สึกว่าพ่อแม่อุตสาห์ส่งเสริมทุกอย่าง ก็ยังไม่ผ่านแม้รอบคัดเลือก รู้สึกท้อ และคิดว่าคงจะไม่ไปประกวดเวทีไหนอีกแล้ว จนครูที่สอนร้องเพลงของวงดนตรีลูกทุ่ง โรงเรียนบ้านสามกอง ที่สอนมาตั้งแต่เล็กๆ และครูที่สอนร้องเพลงที่สยามกลการ บิ๊กซี ภูเก็ต คะยั้นคะยอให้ลองไปดู ตอนนั้นคิดว่าอย่างไรก็ไม่ติดรอบคัดเลือกแน่นอน คิดแต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา ไม่มั่นใจ แต่ก็มาลองอีกสักครั้งดู และคิดเล่นๆ ว่าหากเราไม่ทำในวันนี้ อีก 10 ปี เราจะเสียดายไหม จึงตัดสินไป ตอนนั้นรู้จักรายการเดอะ วอยซ์ แต่ไม่รู้ว่าเหมือนกับรายการที่เราเคยดูผ่านยูทิวบ์หรือเปล่า ไปกับเพื่อนสองคน ซ้อมเล่นกับเปียโน แต่พอไปถึงเขาบอกให้ร้องทั้งคู่ เพื่อนเลยถอนตัว เรารอออดิชัน เราไม่มั่นใจ รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาของเรา จนทางรายการโทรศัพท์มาบอกว่าเข้ารอบ ก็เข้าสู่รายการ เดอะ วอยซ์ มาเรื่อยๆ

ตอนอยู่โรงเรียนนอกจากร้องเพลงแล้วยังทำกิจกรรมอื่นอีกไหม

อยู่โรงเรียนนั้นจะเรียนอย่างจริงจัง จะไม่ร้องเพลงในโรงเรียน เพื่อนๆ ในโรงเรียนจะไม่มีใครรู้ว่าผมร้องเพลงได้ จะมีก็เฉพาะเพื่อนในห้องเดียวกันเท่านั้น

คิดอย่างไรถึงอยากเป็นนักร้อง

ผมไม่ได้อยากเป็นนักร้อง แต่ชอบร้องเพลง รู้สึกว่าเวลาร้องเพลงแล้วมีความสุข และการร้องเพลงยังสร้างความสุขให้คนฟังด้วย ทำให้เรารู้สึกดีที่ได้ร้องเพลงให้คนอื่นๆ ฟัง
ได้รับรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมในการประกวดวงดนตรีของสยามกลการ
ก่อนเวที เดอะ วอยซ์ เคยประกวดเวทีไหนมาบ้าง

ก็ประกวดมาเรื่อยๆ ตามเวทีต่างๆ แต่เวทีใหญ่ที่สุดก่อนที่จะประกวด เดอะ วอยซ์ คือ การประกวดวงดนตรีของสยามกลการ ซึ่งเป็นงานใหญ่มากระดับประเทศ เหมือนเป็นการเปิดโลกของเราอีกระดับหนึ่ง ทำให้เราได้รู้ได้เห็นว่าคนที่ร้องเพลงดีๆ ไม่ได้มีเพียงคนสองคนในบ้านเราเท่านั้น มีคนที่ร้องเพลงดีๆ อีกเยอะในประเทศนี้ มีการร้องเพลงแบบแปลกๆ ใหม่ๆ ทำให้เราประทับใจการแข่งขันครั้งนั้นมาก ปรากฏว่า วงของเราได้ที่สอง ส่วนผมได้รางวัลนักร้องยอดเยี่ยมมาด้วย

พ่อแม่ให้การสนับสนุนการร้องเพลงอย่างไรบ้าง

คุณพ่อคุณแม่คือกำลังสำคัญในการสนับสนุน และก้าวไปพร้อมๆ กับผมในทุกๆ เรื่องที่ผมอยากจะทำ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังการร้องเพลงกับเรามาตั้งแต่เด็ก

อะไรคือแรงบันดาลใจให้มาประกวด เดอะ วอยซ์

คงจะเป็นคุณครูที่สอนดนตรีทั้ง 2 ท่านที่สนับสนุน และโจทย์ของรายการที่ไม่เอาหน้าตา เพราะตอนนั้นเราหน้าตาแย่กว่าตอนนี้มาก มีสิวเต็มหน้าไปหมด และบุคลิกไม่ให้ด้วย แต่พอเขาไม่มองที่หน้าตา พิจารณาเฉพาะเสียงก็เลยตัดสินใจไปสมัครในรอบคัดเลือก

ในช่วงของการประกวดรู้สึกกลัว กังวล หรือท้อใจ ไม่อยากสู้บ้างไหม และอะไรที่ทำให้เราผ่านตรงจุดนั้นมาได้

ที่ท้อใจ และหนักใจมากที่สุด คือ รอบ battle หรือรอบร้องเพลงประชันกัน ซึ่งไม่เคยร้องหนึ่งเพลงสามคน หรือหนึ่งเพลงหลายคน และคนที่ปะทะด้วยก็เป็นรุ่นพี่ที่มีฝีมือ และมีประสบการณ์ทั้งนั้น ทั้งพี่ตู่ พี่โม และแรงสำคัญที่ทำให้เราผ่านรอบนั้นมาก็ได้คือพี่ตู่ และพี่โม ที่บอกว่าเราเป็นนักร้องมาสร้างความสุขให้แก่คนดู ไม่ได้เป็นนักรบที่จะมาเพื่อต่อสู้แก่งแย่งกัน และเราก็ผ่านจุดนั้นมาได้ ต้องขอขอบคุณพี่ทั้งสองคนมาก

ความรู้สึกหลังได้เป็น เดอะ วอยซ์ คนแรกของเมืองไทย

นาทีนั้นตกใจ และก็มันวูบไป เพราะในระยะเวลาที่แข่งขันกันมา 15 สัปดาห์ รู้สึกว่ามันแป๊บเดียว ที่แข่งกันทุกอาทิตย์ ยังไม่ทันได้คิดว่าใครจะได้ เพียงแต่รู้สึกว่าเสียดายจังเวทีมาถึงรอบสุดท้ายแล้ว คิดแต่ว่าทำให้ดีที่สุด และตอนที่ประกาศก็ยังลุ้นพี่เก่งอยู่เลย ไม่คิดว่าจะมีคนสร้างสรรค์ได้อย่างนี้บนโลกใบนี้ และคิดว่าเดอะ วอยซ์ เป็นได้ทุกคนในโลกใบนี้ ทุกคนมีสิทธิมาถึงตำแหน่งนี้ได้ทั้งนั้น
 
หลังได้รับตำแหน่ง เดอะ วอยซ์ ชีวิตเปลียนไปไหม

เปลี่ยนไปครับ จากที่เมื่อก่อนเราเรียน กลับบ้าน นอน เล่นเกมส์ หลังได้ตำแหน่งมีการทำงาน การเดินทางเข้ามา มีความคิด และการทำงานที่เป็นระเบียบมากขึ้น โตมากขึ้น เข้าสู่โลกของความเป็นจริงมากขึ้น และมีคนทักมากขึ้น มีอยู่วันหนึ่ง มีคนทักว่า “พี่นนท์ตัวจริงทำไมสิวเยอะจัง” “โอ้น้องนนท์พี่ชอบมากเลย พี่โหวตไปเยอะมากน่ะ ขอค่าโหวดพี่คืนด้วย”

คำว่า เดอะ วอยซ์ ในความหมายของนนท์ คืออะไร 

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเดอะ วอยซ์ คือเสียง และความกล้า เพราะหากเรามีเสียงอย่างเดียวแล้วไม่มีความกล้า เราก็จะเป็นได้แค่เดอะ วอยซ์ในบ้าน ดังนั้น การที่เราอยากเป็นเดอะ วอยซ์ เราจะต้องมีเสียง และความกล้าควบคู่กันไป ทุกคนในโลกนี้สามารถเป็นเดอะ วอยซ์ได้ เพียงแต่มีเสียง และความกล้าเท่านั้น
 
ตอนนี้ยากทำอะไรมากที่สุด

อยากร้องเพลงมากที่สุด เพราะหลังได้ตำแหน่งได้ไปพบเจอกับงานใหญ่ เวทีใหญ่ ได้ไปพบเจอกับนักร้อง ดาราที่เขาทำงานในสายนี้ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ได้แนวคิดดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ขึ้นไปบนเวทีได้เห็นภาพคนที่มาดูเรา และเล่นกับเรา เป็นความทรงจำดีๆ ในชีวิตเรา ทำให้เราอยากทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ

การแข่งขันจบลงแล้ว ต่อจากนี้วางแผนแนวทางของตัวเองบนเส้นทางนักร้องมืออาชีพไว้อย่างไรบ้าง

ตอนแรกไม่ได้หวังว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้ สิ่งที่เราฝันไว้ทั้งตำแหน่ง หน้าที่การงานในจุดนี้ น่าจะอายุ 20 ปีกว่าๆ อายุ 16 ปี มันไม่ใช่อายุของการเริ่มต้นทำงาน ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรมากกับอนาคต ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่าไปคาดหวังอะไรมากกับอนาคต บางคนคาดหวังไว้ว่าจะเรียนหมอ เมื่อถึงเวลาเรียนไม่ได้ทำให้เราผิดหวัง และเมื่อใดที่เราหวังสูงเมื่อไม่ได้ดังที่หวังก็จะเจ็บ ดังนั้น ขอทำวันนี้ และวันพรุ่งนี้ให้ดีที่สุด ยังไม่ได้คิดอะไรที่มันไกลก่อนในตอนนี้ เพราะอนาคตเป็นเรื่องของอนาคต

ผลงานต่อจากนี้มีอะไรบ้าง บอกได้ไหม

ตอนนี้ยังไม่มีผลงานออกมา ยังเป็นการโปรโมตของเดอะ วอยซ์อยู่ และเร็วๆ นี้จะมีคอนเสิร์ต 4 ภาค ซึ่งมีทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต จะมีเดอะ วอยซ์หลายๆ คนเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตที่ภูเก็ตด้วย

เมื่อได้รับรางวัลเดอะ วอยซ์ คิดว่าประสบความสำเร็จในสายงานดนตรีหรือยัง

รางวัลเดอะ วอยซ์ เหมือนบันไดอีกขั้นที่เราสามารถไต่ขึ้นมาได้ แต่อย่าให้เป็นจุดจบสำหรับทางของเรา คือ ความสำเร็จที่เราได้มาจะต้องพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราได้โอกาสแล้วอย่าหลงกับจุดนี้ ชีวิตเราไม่ได้มีแค่ 16 ปี ชีวิตเราจะต้องเดินไปเรื่อยๆ และทำอะไรที่ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกนี้ต้องการสิ่งดีๆ อีกมาก

นอกจากเรื่องของดนตรีแล้ว ยังมีความฝันอะไรอีกบ้าง

ตอนเด็กๆ ผมฝันอยากเป็นทหาร ชอบปืนมากๆ เครื่องแบบทหารก็เท่สุด ผมมีปืนเด็กเล่น 16 กระบอก แต่เมื่อโตขึ้นสภาพร่างกายเราไม่พร้อมที่จะเป็นทหาร เลยเลิกฝันที่จะเป็นทหารแล้วตอนนี้

ถ้าไม่ได้ประกวด เดอะ วอยซ์ คิดว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่

เป็นเด็กติดเกมส์ เพราะก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างติดเกมส์พอสมควร จับคอมพิวเตอร์ตอนอยู่อนุบาล 2 พออยู่ ม.1 เล่นอยู่ร้านเกมส์จนเลือดกำเดาไหลลงคีย์บอร์ด หยุดเล่นเกมส์ไประยะหนึ่ง แต่โดยนิสัยเราแล้วชอบเล่นเกมส์มาก ซึ่งถ้าไม่ได้มาประกวดเดอะ วอยซ์ เรายังคงติดเกมส์อยู่เหมือนเด็กทั่วไป แต่พอมาถึงจุดนี้ทำให้เรารู้ว่า เกมส์มันไม่ได้มีเฉพาะในคอมพิวเตอร์เท่านั้น ชีวิตจริงก็เป็นเกมส์ได้ เมื่อเราผ่านด่านความสำเร็จในชีวิตจริงก็เหมือนกับการอัปเลเวลในเกมส์ที่เราเล่น เพื่อไปทำในสิ่งที่ยากกว่านี้

สุดท้ายอยากจะขอบคุณใครบ้าง

กว่าผมจะมาถึงจุดตรงนี้ได้ ผมต้องมีอะไรหลายอย่างที่เป็นแรงผลักดันผมมาตลอด ขอบคุณพ่อกับแม่ที่สร้างชีวิตดีๆ ให้แก่เรามาเสมอ ขอบคุณมากๆ ที่ยังอยู่กับเราตลอดมาและตลอดไป ขอบคุณญาติพี่น้องทุกคน คุณครูไพรัช คำเลี้ยง คุณครูฉัตรชัย แช๋ลิ่ม และคุณครูทุกๆ คนที่ช่วยกันประคับประคองจนเราสามารถสร้างอุปกรณ์ให้เราได้ทำฝันของเราได้ รวมทั้งตลาดปล่อยของ รวมทั้งเวทีหลายเวทีให้เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง โรงเรียนสตรีภูเก็ต และเสียงโหวตทุกเสียง รวมทั้งสื่อมวลชน และจะทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น