ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจแถลงความคืบหน้าคดีมุสลิมโรฮิงญา ออกหมายจับแล้ว 2 คน จ่อออกหมายจับชาวพม่าเพิ่มอีก 6 คน ด้านดีเอสไอลงพื้นที่มาร่วมตรวจสอบ หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงาน หรือองค์การอาชญากรรมก็จะพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (14 ม.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา และ พ.ต.ต.จตุพร อรุณฤกษ์ถวิล ผู้อำนวยส่วนป้องกันและปราบปราม 2 ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนพิเศษ หรือดีเอสไอ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีกลุ่มมุสลิมโรฮิงญาทั้ง 3 กลุ่ม ที่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือออกมาได้ระหว่างถูกนำมาพักพิงไว้ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา
โดยผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 2 คน คือ นายประสิทธิ์ หรือเบต เหล็มเหล๊ะ อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ และนายจามานาดิน สัญชาติพม่า ในข้อหานำพา และให้ที่พักพิงซึ่งยังคงหลบหนี และเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 6 คน ซึ่งเป็นชาวพม่า ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวให้ที่พักพิง และนำบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนชาวโรฮิงญาที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้ มีจำนวนทั้งสิ้น 856 คน ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการคัดแยกว่ามีการบังคับใช้แรงงาน หรือเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ และทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาร่วมตรวจสอบด้วย
ด้าน พ.ต.ต.จตุพร อรุณฤกษ์ถวิล ผู้อำนวยส่วนป้องกันและปราบปราม 2 ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยว่า หากผลการคัดแยกชาวโรฮิงญาพบว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือองค์การอาชญากรรม ก็จะทำเรื่องถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อที่พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ซึ่งดูแลคดีนี้ เปิดเผยว่า ตามกฎหมาย และมติ ครม. หากบุคคลต่างด้าวที่ทำผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญชาติ หรือหลบหนีเข้าเมือง ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา และเขมร ก็สามารถผลักดันกลับประเทศได้เลย แต่หากไม่ใช่ 4 ประเทศนี้ก็ต้องดูว่ากระทำความผิดในข้อหาใด และดำเนินการไปตามกฎหมาย
