ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือมุสลิมชาวโรฮิงญาเกือบ 400 คน ที่ถูกกลุ่มค้ามนุษย์นำมากักขังไว้ในป่าสวนยางแนวตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย รอส่งขายไปยังประเทศมาเลเซีย และเป็นแรงงานประมง
วันนี้ (10 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ส่วนปฏิบัติการข่าวเชิงรุกและภัยแทรกซ้อน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมชาวโรฮิงญา เกือบ 400 คน ซึ่งถูกกักขังอยู่ในที่พักชั่วคราวบริเวณป่าสวนยางริมตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย พื้นที่บ้านชายควนทุ่งไม้ด้วน 2 ม.4 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ในจำนวนนี้ มีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 5 คน เด็กชายอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 61 คน ที่เหลือเป็นผู้ชาย และผู้หญิง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสภาพที่อิดโรย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชายชาวโรฮิงญา จำนวน 5 คน ซึ่งทำหน้าที่ดูแลชาวโรฮิงญาทั้งหมด พร้อมยึดอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์อีก 1 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ขณะที่มีอีกบางส่วนที่ถูกทางผู้ควบคุมพาวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ
จากการสอบสวนทราบว่า ชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ถูกนำมากักขังไว้นานกว่า 3 เดือนเพื่อรอส่งไปยังประเทศมาเลเซีย และเป็นแรงงานเรือประมง โดยมีขบวนการค้าแรงงานเถื่อนเป็นผู้ควบคุม และส่งขายหัวละ 60,000 บาท หลังจากที่ลักลอบเดินทางเข้ามาทาง จ.ระนอง และขนด้วยรถบรรทุกสิบล้อนำมากักขังไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยว่า ก่อนหน้านี้มีการขนชาวโรฮิงญาเข้ามากว่า 2,000 คน และบางส่วนถูกส่งไปยังประเทศมาเลเซีย และทำงานในเรือประมง ส่วนพื้นที่สวนยางที่ใช้กักขังนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งใน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังลำเลียงชาวโรฮิงญาออกจากพื้นที่ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือ และจะทำการสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าแรงงานเถื่อนกลุ่มนี้