ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นำตัวโรฮิงญาส่งด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตเพื่อผลักดันออกแล้ว หลังเรือน้ำมันหมดลอยลำเข้ามาจอดที่เกาะบอน คาดผลักดันกลับประเทศต้นทางวันนี้
สำหรับความคืบหน้าการช่วยเหลือชาวโรฮิงญา จำนวน 71 คน แยกเป็นผู้หญิง และเด็กหญิงจำนวน 22 คน ผู้ชาย และเด็กชาย จำนวน 49 คน ในจำนวนนั้นมีเด็กอายุต่ำสุด 6 ขวบ โดยทั้งหมดนั่งมากับเรือหางยาวขนาดใหญ่ และมาจอดลอยลำที่บริเวณเกาะบอน หมู่ 3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ม.ค.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และดูแลในเบื้องต้น ทั้งเรื่องของอาหารการกิน รวมทั้งนม ขนม และน้ำมันสำหรับเติมเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลอำนวยความสะดวก
พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวถึงการดำเนินการกรณีโรฮิงญาล่องเรือเข้ามาในน่านน้ำของไทยที่บริเวณเกาะบอน หมู่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า ในการช่วยเหลือเบื้องต้น ได้มีการช่วยเหลือไปตามหลักมนุษยธรรม และเรื่องของสิทธิมนุษยชน มีการนำอาหาร น้ำดื่มเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และขณะนี้ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยนำทั้งหมดส่งไปดำเนินการตามกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“เพราะถ้าให้ทั้งหมดอยู่ในเรืออาจจะได้รับอันตราย เนื่องจากทะเลมีคลื่นลมแรง ฝนตก เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย รวมทั้งจากการตรวจสอบพบว่า เรือที่พาทั้งหมดนั้นมีรอยแตกไม่สามารถที่จะเดินทางทางทะเลได้จึงตัวนำตัวขึ้นมาจากเรือตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา พร้อมนำตัวส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองต่อไป”
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตรายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรฉลองได้นำตัวชาวโรฮิงญาทั้งหมด มาส่งที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตแล้ว จำนวน 71 คน ขณะนี้กำหลังอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลหลักฐานต่างๆ ซึ่งถ้าดำเนินการเสร็จเรียบร้อยก็คาดว่าจะสามารถนำตัวทั้งหมดส่งกลับประเทศต้นทางได้ภายในวันนี้
ขณะที่นายโรจิฮุน อายุ 21 ปี ซึ่งเดินทางมากับเรือลำที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ทั้งหมดเดินทางรอนแรมมาจากประเทศต้นทางทางทะเลเป็นเวลา 13 วันแล้ว ซึ่งขณะที่อยู่ในเรือก็ทำอาหารรับประทานกันเอง โดยอาหารบางส่วนบางครั้งก็ขอจากเรือประมงที่ไปเจอ และการเดินทางมาครั้งนี้ต้องการที่จะเดินทางไปหางานทำในประเทศที่ 3 แต่ที่เข้ามาในครั้งนี้เนื่องจากพายุคลื่นลมแรง เรือน้ำมันหมด จึงลอยลำเข้ามา ซึ่งสิ่งที่ต้องการก็คือเรื่องของอาหาร และน้ำมันสำหรับเติมเรือเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมาย
ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากที่ชาวโรฮิงญาได้เข้าที่บริเวณเกาะบอนจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ทั้งในเรื่องของอาหารและน้ำดื่มในเบื้องต้น พร้อมมอบเสบียงอาหารและน้ำมันสำหรับเติมเรือจำนวน 200 ลิตรเพื่อโรฮิงญากลุ่มนี้สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ได้ แต่จากการสำรวจสภาพเรือพบเรือสภาพเรือไม่พร้อมที่จะเดินทางต่อไปทางทะเลได้ รวมทั้งสภาพร่างกายของทั้งหมดอยู่ในสภาพที่อิดโรยจากการเดินทางมานานร่วม 2 สัปดาห์ทำให้จังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจส่งชาวโรฮิงญากลุ่มนี้กลับต้นทางที่เดินทางมา เพราะหากปล่อยให้เดินทางต่อไปอาจจะเกิดความสูญเสียมากกว่านี้
สำหรับความคืบหน้าการช่วยเหลือชาวโรฮิงญา จำนวน 71 คน แยกเป็นผู้หญิง และเด็กหญิงจำนวน 22 คน ผู้ชาย และเด็กชาย จำนวน 49 คน ในจำนวนนั้นมีเด็กอายุต่ำสุด 6 ขวบ โดยทั้งหมดนั่งมากับเรือหางยาวขนาดใหญ่ และมาจอดลอยลำที่บริเวณเกาะบอน หมู่ 3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ม.ค.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และดูแลในเบื้องต้น ทั้งเรื่องของอาหารการกิน รวมทั้งนม ขนม และน้ำมันสำหรับเติมเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลอำนวยความสะดวก
พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวถึงการดำเนินการกรณีโรฮิงญาล่องเรือเข้ามาในน่านน้ำของไทยที่บริเวณเกาะบอน หมู่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า ในการช่วยเหลือเบื้องต้น ได้มีการช่วยเหลือไปตามหลักมนุษยธรรม และเรื่องของสิทธิมนุษยชน มีการนำอาหาร น้ำดื่มเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และขณะนี้ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยนำทั้งหมดส่งไปดำเนินการตามกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“เพราะถ้าให้ทั้งหมดอยู่ในเรืออาจจะได้รับอันตราย เนื่องจากทะเลมีคลื่นลมแรง ฝนตก เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย รวมทั้งจากการตรวจสอบพบว่า เรือที่พาทั้งหมดนั้นมีรอยแตกไม่สามารถที่จะเดินทางทางทะเลได้จึงตัวนำตัวขึ้นมาจากเรือตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา พร้อมนำตัวส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองต่อไป”
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตรายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรฉลองได้นำตัวชาวโรฮิงญาทั้งหมด มาส่งที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตแล้ว จำนวน 71 คน ขณะนี้กำหลังอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลหลักฐานต่างๆ ซึ่งถ้าดำเนินการเสร็จเรียบร้อยก็คาดว่าจะสามารถนำตัวทั้งหมดส่งกลับประเทศต้นทางได้ภายในวันนี้
ขณะที่นายโรจิฮุน อายุ 21 ปี ซึ่งเดินทางมากับเรือลำที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ทั้งหมดเดินทางรอนแรมมาจากประเทศต้นทางทางทะเลเป็นเวลา 13 วันแล้ว ซึ่งขณะที่อยู่ในเรือก็ทำอาหารรับประทานกันเอง โดยอาหารบางส่วนบางครั้งก็ขอจากเรือประมงที่ไปเจอ และการเดินทางมาครั้งนี้ต้องการที่จะเดินทางไปหางานทำในประเทศที่ 3 แต่ที่เข้ามาในครั้งนี้เนื่องจากพายุคลื่นลมแรง เรือน้ำมันหมด จึงลอยลำเข้ามา ซึ่งสิ่งที่ต้องการก็คือเรื่องของอาหาร และน้ำมันสำหรับเติมเรือเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมาย
ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากที่ชาวโรฮิงญาได้เข้าที่บริเวณเกาะบอนจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ทั้งในเรื่องของอาหารและน้ำดื่มในเบื้องต้น พร้อมมอบเสบียงอาหารและน้ำมันสำหรับเติมเรือจำนวน 200 ลิตรเพื่อโรฮิงญากลุ่มนี้สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ได้ แต่จากการสำรวจสภาพเรือพบเรือสภาพเรือไม่พร้อมที่จะเดินทางต่อไปทางทะเลได้ รวมทั้งสภาพร่างกายของทั้งหมดอยู่ในสภาพที่อิดโรยจากการเดินทางมานานร่วม 2 สัปดาห์ทำให้จังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจส่งชาวโรฮิงญากลุ่มนี้กลับต้นทางที่เดินทางมา เพราะหากปล่อยให้เดินทางต่อไปอาจจะเกิดความสูญเสียมากกว่านี้
