นครศรีธรรมราช - คลื่นสูงทะเลหนุนถล่มหมู่บ้านแหลมตะลุมพุกซ้ำอีกครั้ง ชาวบ้านต้องเร่งซ่อมบ้านเรือน ขณะที่น้ำป่าไหลหลากลงมาจากเทือกเขาหลวง ทำให้น้ำท่วมในหลายพื้นที่ สะพานชั่วคราวจากภัยพิบัติครั้งที่แล้วขาด 3 แห่งรวด หลายหมู่บ้านถูกน้ำป่าตัดขาดสัญจรไม่ได้ และมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำแล้ว 1 ราย
ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (24 ธ.ค.) ที่แหลมตะลุมพุก องปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ต้องเร่งอพยพเรือประมงพื้นบ้านขึ้นมาไว้บนฝั่งชั้นใน หลังจากที่มีลมกระโชกอย่างรุนแรง และคลื่นได้ยกตัวสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุนทำให้คลื่นมีความรุนแรงมากขึ้นซัดข้ามแนวคันกันคลื่นเข้าท่วมในหมู่บ้าน จนบ้านหลายหลังในหมู่บ้านแหลมตะลุมพุกได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกัน บ้านเรือนที่อยู่นอกแนวคันกันคลื่นได้รับผลกระทบอย่างหนักจากคลื่นลมกำลังแรง และน้ำทะเลที่ยกตัวเข้าท่วมพื้นที่สวนมะพร้าว และบ้านเรือนอย่างหนัก
นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ระบุว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอีกครั้ง เรื่องของการขอพื้นที่ย้ายหมู่บ้านมาจนวันนี้ก็ยังเงียบ ในขณะที่นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมายังพื้นที่ได้ยื่นหนังสือให้กับมือ มาวันนี้ คลื่นได้ซัดถล่มหมู่บ้านเดือดร้อนกันทั่วหน้าอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็ยังเงียบเหมือนเดิม คลื่นได้ซัดข้ามแนวคันกั้นคลื่นมาอยู่ในหมู่บ้าน ทะเลท่วมหมู่บ้านยังคงเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านอยู่ต่อไป
ส่วนในพื้นที่ตลอดแนวเทือกเขาหลวงน้ำป่าได้เริ่มหลากลงมาจากลำธารสายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำลำคลองสายเริ่มล้นตลิ่ง และหลากเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนในหลายจุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ริมคลองวังรัก นาป่า ในเขต อ.เมือง และพื้นที่ริมคลองเสาธง ในเขต อ.ร่อนพิบูลย์ ส่วนพื้นที่ทุ่งรับน้ำตามจุดต่างๆ นั้นน้ำท่วมจนเต็มพื้นที่แล้ว โดยหากฝนยังคงตกต่อไปเช่นนี้จะเข้าสู่สถานการณ์อุทกภัย
ขณะเดียวกัน น้ำป่าจากเทือกเขาหลวงในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้ทะลักลงมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้สะพานชั่วคราวจำนวน 3 จุด ซึ่งเป็นสะพานที่ใช้เชื่อมต่อกันระหว่างหมู่ที่ 5 หมู่ที่ 10 ต.เทพราช และหมู่ที่ 10 ต.ฉลอง รอยต่อระหว่าง 3 หมู่บ้านถูกกระแสน้ำป่าซัดเสียหายอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ทั้ง 3 หมู่บ้าน ถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรออกมายังภายนอกได้นับร้อยครัวเรือน
ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงดินถล่มในหลายอำเภอ เช่น อ.นบพิตำ อ.สิชล และ อ.ร่อนพิบูลย์ เนื่องจากเป็นพื้นที่อ่อนไหว และเคยเกิดเหตุเช่นนี้มาแล้ว ทำให้หน้าดินขาดเสถียรภาพในการยึดเหนี่ยว และฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำให้ประชาชนตื่นตัวพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา
ขณะที่ ร.ต.ต.อภินันท์ พลศร พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตในท้องร่องสวนปาล์มหลังลานเทปาล์มหมู่ 8 ต.ท่าไร่ อ.เมือง หลังจากนั้นจึงเข้าทำการตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร และหน่วยกู้ภัย
โดยในที่เกิดเหตุพบว่า ญาติได้นำศพขึ้นมาจากท้องร่องแล้ว ทราบชื่อต่อมาคือ นายอำพล เชื้อสมัน อายุ 48 ปี เจ้าของลานเทปาล์มดังกล่าว สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 12 ชั่วโมง สอบสวนเบื้องต้นได้ความว่า นายอำพลได้หายไปตั้งแต่ช่วงกลางวันของวานนี้ หลังจากนั้นญาติได้ออกตระเวนหาแต่ไม่พบ จนกระทั่งมาพบในรุ่งขึ้นอีกวัน
ซึ่งในเบื้องต้นนั้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า นายอำพลได้พยายามเดินสำรวจท้องร่องสวนปาล์มเพื่อเตรียมการระบายน้ำหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักหลายวันติดต่อกัน และเกิดพลาดตกลงไปในท้องร่องที่มีวัชพืชปกคลุม ทำให้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้จึงเสียชีวิต จนกระทั่งญาติไปพบศพดังกล่าว