xs
xsm
sm
md
lg

พบพะยูน-โลมาทะเลตรัง ตายพร้อมกันวันสิ้นโลก 3 ตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - สุดสลด วันเดียวพบพะยูน หนัก 200 กก. ตายพร้อมกัน 2 ตัว แถมยังพบโลมาหลังโหนก หนัก 150 กก. ตายไปอีก 1 ตัวด้วยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แถมยังตรงกับวันสิ้นโลกพอดี

เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ (21 ธ.ค.) นายตะวัน ทุ่ยอ้น ประธานกลุ่มอนุรักษ์โลมาบ้านตะเสะ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง พร้อมสมาชิก ได้เดินทางไปนำซากโลมาหลังโหนกเผือก เพศผู้ อายุ 5 ปี หนัก 150 กก. ยาว 2 เมตร รอบตัว 70 ซม. ซึ่งผู้ประกอบการเรือโดยสารท่องเที่ยวพบลอยตายอยู่กลางทะเลอันดามัน บริเวณบ้านหินคอก รอยต่อหมู่ที่ 1 ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน กับหมู่ที่ 4 ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ จากการตรวจสอบพบว่า โลมาตัวดังกล่าวมีสภาพขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นเน่า และผิวหนังลำตัวเปื่อยยุ่ยหลุดลอก โดยมีบาดแผลที่บริเวณลำคอ และครีบ อันเนื่องมาจากอวนลากซึ่งเป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย และคาดว่าน่าจะตายมาแล้วประมาณ 3 วัน

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน นายทวีป ศรีรักษ์ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว จ.ตรัง ยังได้พบซากพะยูน เพศผู้ อายุ 30 ปี หนัก 250 กก. ยาว 260 ซม. รอบตัว 173 ซม. ลอยตายอยู่ที่บริเวณชายหาดเกาะไหง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง จ.ตรัง กับ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ในสภาพที่ลำตัวขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นเน่า แต่ไม่พบบาดแผลใดๆ โดยคาดว่าน่าจะตายมาแล้วประมาณ 3-4 วัน

ขณะเดียวกัน นายบุญครื้น พรเดชอนันต์ ประมง อ.กันตัง จ.ตรัง ก็ได้รับแจ้งจาก นายเดาะอาจ ทะเลลึก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ว่า พบซากพะยูน เพศผู้ อายุ 20-25 ปี หนัก 200 กก. ยาว 2.10 เมตร รอบตัว 160 ซม ลอยตายอยู่ที่บริเวณชายหาดมดตะนอย หมู่ที่ 3 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ในสภาพที่ลำตัวขึ้นอืด และส่งกลิ่นเหม็นเน่า ซึ่งจากการตรวจสอบพบร่องรอยเขี้ยวจำนวนมากที่บริเวณท้อง และลำตัวหลายแห่ง จึงสันนิษฐานว่า บาดแผลดังกล่าวน่าจะมาจากการต่อสู้เพื่อแย่งตัวเมียของพะยูน

ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งซากโลมา 1 ตัว และพะยูนอีก 2 ตัว ไปเก็บไว้ที่ห้องเย็นแห่งหนึ่งใน อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อรอส่งไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุชัดเจนที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต ทำให้ในปี 2555 นี้ มีพะยูน สัตว์อนุรักษ์ชื่อดังของ จ.ตรัง ต้องตายลงไปแล้วถึง 11 ตัว อีกทั้งในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันที่มีข่าวลือเรื่องวันสิ้นโลก ก็เป็นวันที่เกิดพะยูน และโลมามาต้องตายไปพร้อมกันถึง 3 ตัว นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการอนุรักษ์เลย เสมือนกับเป็นลางร้ายที่บ่งบอกอะไรบางอย่าง


กำลังโหลดความคิดเห็น