เอเอฟพี - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ไม่สนคำทำนาย “วันสิ้นโลก” ของชนเผ่ามายา ที่จะมาถึงในวันศุกร์ (21) นี้ พร้อมคาดการณ์ว่าโลกน่าจะคงอยู่ต่อไปได้อีก 4,500 ล้านปีทีเดียว
ปูตินจัดการแถลงข่าวครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย โดยถูกนักข่าวถามว่า เหตุใดจึงเลือกวันนี้ (20) ซึ่งเป็น 1 วันก่อนหน้า “วันสิ้นโลก” ตามคำทำนายของชนเผ่ามายา ที่ทำให้ชาวโลกหวาดผวาไปทั่ว
“ผมรู้ว่าเมื่อไหร่ที่วันสิ้นโลกจะมาถึง” ผู้นำแดนหมีขาวกล่าว พร้อมกับทิ้งช่วงให้ตื่นเต้น และว่า “มันจะเกิดขึ้นในอีก 4,500 ล้านปีโดยประมาณ เท่าที่ผมจำได้ มันเป็นระบบการทำงานของพระอาทิตย์ของพวกเรา”
เมื่อถูกถามว่า เขากลัวหรือไม่ ปูตินตอบทันทีว่าไม่ “ทำไมเราต้องกลัวสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ล่ะ”
นักข่าวจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ ไลฟ์นิวส์ ได้กล่าวถึงเรื่องตลกเกี่ยวกับผู้นำรัสเซียล่าสุดว่า “ท่านประธานาธิบดีเจาะจงเลือกแถลงข่าวในวันก่อนหน้าวันสิ้นโลก เพราะเขาต้องการสรุปผลของมนุษย์โลกทั้งหมด”
ยิ่งไปกว่านั้น การแถลงข่าวในวันนี้ ปูตินยังปฏิเสธว่าเขาปกครองประเทศด้วยระบอบเผด็จการ โดยอ้างเหตุผลว่าเขามีโอกาสเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญหลายครั้งระหว่างเป็นผู้นำ แต่เขาก็ไม่เคยทำ
“ผมไม่สามารถเรียกระบบนี้ว่าเผด็จการได้ ผมไม่เห็นด้วย” เขากล่าว และว่า “หากผมคิดว่าระบอบเบ็ดเสร็จเผด็จการดีกว่า ผมคงจะเปลี่ยนรัฐธรรมนูญไปแล้ว มันง่ายมากที่จะทำเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงโหวตของประชาชนเลย”
นอกจากนี้ เขายังเผยมุมมองเกี่ยวกับประชาธิปไตยของตัวเองว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ลัทธิทรอตสกี หรืออนาธิปไตย แต่คือการปฏิบัติตามกฏหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรก
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งในรัฐบาลเกรมลิน 2 สมัยแรก ในช่วงปี 2000-2008 ปูตินได้เสริมอำนาจ 'แนวตรง' โดยการยกเลิกการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่เป็นข้อถกเถียงมากที่สุดของเขา
หลังจากนั้นเขาก็ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2008-2012 ขณะที่ ดมิทรี เมดเวเดฟ เข้ามารับหน้าที่ประธานาธิบดี โดยในปลายปี 2011 ทั้งคู่ประกาศว่าจะสลับเก้าอี้กันอีกครั้ง จนประชาชนทั่วไปกล่าวหาว่าเมดเวเดฟนั้นเป็นเพียงหุ่นเชิดรั้งเก้าอี้ให้ปูตินเท่านั้น