พัทลุง - หลังราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรพัทลุงเตรียมนำร่อง เสนอ พ.ร.บ.ปาล์มไทย แก้ปัญหาซ้ำซาก ระบุ มีบ่อน้ำมันบนดิน แต่รัฐไม่สามารถแก้ปัญหาได้
นายโอภาส หนูชิต ประธานสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง จำกัด (พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา) เปิดเผยว่า ภาวะราคาน้ำมันปาล์มได้ทยอยตกลงมาตั้งแต่รัฐบาลนำเข้าน้ำมันปาล์มมาจากต่างประเทศ 40,000 ตัน เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ เหลืออยู่ที่ 2 บาทเศษ/กก. ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3.50 บาทเศษ เป็นเวลาเกือบครึ่งปีมาแล้วที่ชาวสวนปาล์มประสบกับภาวะขาดทุน จึงได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทำการประกันราคาอยู่ที่ 6 บาท/กก.
และยังได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทำการส่งเสริมระบบลอจิสติกส์ ระหว่างสวนปาล์ม ลานเท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งในส่วนตรงนี้ จะลดต้นทุนการผลิตประมาณ 00.50 บาท/กก. โดยรูปแบบตรงนี้ทางรัฐบาลจะปล่อยให้กู้เงินได้
“เดิมนั้นราคาจะตกต่ำลงมาจะอยู่ที่ 3 บาทเศษ/กก. แล้วก็จะดีดขึ้น แต่ตอนนี้กลับดีดลงต่อเนื่อง ปัจจัยเพราะโรงงานอ้างว่าน้ำมันดิบล้นสต๊อก โรงงานไม่สามารถระบายออกได้ จึงไม่สามารถจะรับซื้อได้ ปัญหาจึงทำให้ราคาตกต่ำ ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง แต่สินค้าที่ผลิตจากปาล์มน้ำมันหาได้ขยับลงแต่อย่างใด”
นายโอภาส ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาน้ำมันปาล์มล้นสต๊อก สามารถระบายออกได้หลายทาง เช่น นำไปผลิตไบโอดีเซล พลังงานทดแทน พลังงานไฟฟ้า ฯลฯ ได้อีกจำนวนมาก ประเทศไทยในฐานะสามารถปลูกน้ำมันได้ มีบ่อน้ำมันอยู่บนดิน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ
นายโอภาส ยังกล่าวอีกว่า ชาวสวนปาล์มพัทลุง เป็นเกษตรกรรายย่อย และมีขนาดใหญ่ก็ไม่เกิน 20 ไร่ ต่างกับสวนปาล์มตั้งแต่สตูล ชุมพร สุราษฎร์ธานี และกระบี่ เป็นต้น ที่เป็นรายขนาดใหญ่ และจะมีการประชุมกันอีกครั้ง คือ จะต้องหาวิธีแก้ไขปาล์มที่ถาวรมั่นคง นั่นคือ การออกกฎหมายพระราชบัญญัติปาล์มไทย เช่นเดียวกับ กับพระราชบัญญัติการยางไทย ให้มีคณะเจ้าภาพ และภารกิจที่ชัดเจน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และจะไม่เกิดปัญหาซ้ำซากตลอดมา และปีละหลายหนที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรปาล์มไทย
“หากจังหวัดอื่นๆ ยังเฉยอยู่ ทางจังหวัดพัทลุงจะนำร่องเสนอกฎหมายเอง โดยการล่ารายชื่อตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องทางให้ ทั้งนี้ โดยการะดมกันเองสำหรับชาวสวนปาล์มรายย่อยของพัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช เพราะหากไม่ดำเนินการไม่มีใครดำเนินการอีกแล้ว”
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ปาล์มราคาเคยขยับขึ้นถึง 12 บาท/กก.เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายหันไปผลิตพลังงานทดแทน จนเกิดภาวะขาดแคลนทำให้น้ำมันพืชเคยขยับราคาขึ้นมาถึงขวดละ 60 บาท และ 70 บาทมาแล้ว การแก้ไขปัญหาราคาปาล์มต้องแก้ให้ตรงเป้าหมาย เมื่อถึงฤดูกาลปาล์มมีผลิตออกมาก น้ำมันดิบล้นสต๊อก ก็นำไปพัฒนาเป็นพลังงานทดแทน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
“แนวโน้มราคาปาล์มยังคงตกต่ำอีก เพราะหลังจากสิ้นปี 2555 ขึ้นปี 2556 ปาล์มก็จะถึงฤดูผลผลิตออกมาอีกระลอกใหญ่ และพร้อมกันจนไปถึงเดือนมีนาคม”
นายโอภาส หนูชิต ประธานสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง จำกัด (พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา) เปิดเผยว่า ภาวะราคาน้ำมันปาล์มได้ทยอยตกลงมาตั้งแต่รัฐบาลนำเข้าน้ำมันปาล์มมาจากต่างประเทศ 40,000 ตัน เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ เหลืออยู่ที่ 2 บาทเศษ/กก. ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3.50 บาทเศษ เป็นเวลาเกือบครึ่งปีมาแล้วที่ชาวสวนปาล์มประสบกับภาวะขาดทุน จึงได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทำการประกันราคาอยู่ที่ 6 บาท/กก.
และยังได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทำการส่งเสริมระบบลอจิสติกส์ ระหว่างสวนปาล์ม ลานเท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งในส่วนตรงนี้ จะลดต้นทุนการผลิตประมาณ 00.50 บาท/กก. โดยรูปแบบตรงนี้ทางรัฐบาลจะปล่อยให้กู้เงินได้
“เดิมนั้นราคาจะตกต่ำลงมาจะอยู่ที่ 3 บาทเศษ/กก. แล้วก็จะดีดขึ้น แต่ตอนนี้กลับดีดลงต่อเนื่อง ปัจจัยเพราะโรงงานอ้างว่าน้ำมันดิบล้นสต๊อก โรงงานไม่สามารถระบายออกได้ จึงไม่สามารถจะรับซื้อได้ ปัญหาจึงทำให้ราคาตกต่ำ ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง แต่สินค้าที่ผลิตจากปาล์มน้ำมันหาได้ขยับลงแต่อย่างใด”
นายโอภาส ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาน้ำมันปาล์มล้นสต๊อก สามารถระบายออกได้หลายทาง เช่น นำไปผลิตไบโอดีเซล พลังงานทดแทน พลังงานไฟฟ้า ฯลฯ ได้อีกจำนวนมาก ประเทศไทยในฐานะสามารถปลูกน้ำมันได้ มีบ่อน้ำมันอยู่บนดิน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ
นายโอภาส ยังกล่าวอีกว่า ชาวสวนปาล์มพัทลุง เป็นเกษตรกรรายย่อย และมีขนาดใหญ่ก็ไม่เกิน 20 ไร่ ต่างกับสวนปาล์มตั้งแต่สตูล ชุมพร สุราษฎร์ธานี และกระบี่ เป็นต้น ที่เป็นรายขนาดใหญ่ และจะมีการประชุมกันอีกครั้ง คือ จะต้องหาวิธีแก้ไขปาล์มที่ถาวรมั่นคง นั่นคือ การออกกฎหมายพระราชบัญญัติปาล์มไทย เช่นเดียวกับ กับพระราชบัญญัติการยางไทย ให้มีคณะเจ้าภาพ และภารกิจที่ชัดเจน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และจะไม่เกิดปัญหาซ้ำซากตลอดมา และปีละหลายหนที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรปาล์มไทย
“หากจังหวัดอื่นๆ ยังเฉยอยู่ ทางจังหวัดพัทลุงจะนำร่องเสนอกฎหมายเอง โดยการล่ารายชื่อตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องทางให้ ทั้งนี้ โดยการะดมกันเองสำหรับชาวสวนปาล์มรายย่อยของพัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช เพราะหากไม่ดำเนินการไม่มีใครดำเนินการอีกแล้ว”
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ปาล์มราคาเคยขยับขึ้นถึง 12 บาท/กก.เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายหันไปผลิตพลังงานทดแทน จนเกิดภาวะขาดแคลนทำให้น้ำมันพืชเคยขยับราคาขึ้นมาถึงขวดละ 60 บาท และ 70 บาทมาแล้ว การแก้ไขปัญหาราคาปาล์มต้องแก้ให้ตรงเป้าหมาย เมื่อถึงฤดูกาลปาล์มมีผลิตออกมาก น้ำมันดิบล้นสต๊อก ก็นำไปพัฒนาเป็นพลังงานทดแทน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
“แนวโน้มราคาปาล์มยังคงตกต่ำอีก เพราะหลังจากสิ้นปี 2555 ขึ้นปี 2556 ปาล์มก็จะถึงฤดูผลผลิตออกมาอีกระลอกใหญ่ และพร้อมกันจนไปถึงเดือนมีนาคม”