ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สวนสัตว์สงขลา จับมือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ปล่อยนกกาบบัวคืนถิ่น พร้อมฝังไมโครชิปเพื่อติดตามจำนวน หลังนกกาบบัวลดปริมาณลงจนเกือบสูญพันธุ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช
นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา เปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่โดยรอบสวนสัตว์สงขลาซึ่งครอบคลุมถึงบริเวณทะเลสาบสงขลามีนกกาบบัวเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากถูกชาวบ้านทำร้ายจนเกือบสูญพันธุ์ ทางสวนสัตว์สงขลาได้ตระหนักถึงความสำคัญของนกกาบบัว ซึ่งเป็นนกประจำถิ่น จึงร่วมกับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยจัดโครงการปล่อยนกกาบบัวคืนถิ่น
โดยในช่วงเช้า นกกาบบัวจะบินมาหาอาหารกินบริเวณสวนสัตว์สงขลา หรือบินอยู่ในละแวกนี้ และในช่วงเย็นก็จะบินกลับไปนอนที่ทะเลน้อย ทั้งนี้ สวนสัตว์สงขลาจะปล่อยนกกาบบัวคืนสู่ธรรมชาติโดยทำการติดไมโครชิป เพื่อจะได้ทราบจำนวนที่แท้จริงว่ามีประชากรนกกาบบัวเพิ่มขึ้นมากน้อยขนาดไหน และเนื่องจากเป็นโครงการที่เพิ่งริเริ่ม จึงขอวอนประชาชนว่าอย่าทำร้ายนก โดยนกกาบบัวที่พบเห็นเป็นนกกลุ่มเดียวของภาคใต้ ขอให้ช่วยกันดูแล หากมีอะไรผิดสังเกตก็ขอให้แจ้งทางสวนสัตว์สงขลา หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย
ทั้งนี้ จะเริ่มโครงการนกกาบบัวคืนถิ่นในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ โดยถือเป็นการทำดีเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ จะมีการปล่อยนกกาบบัวที่สวนสัตว์สงขลา จำนวน 20 ตัวเป็นพ่อแม่นก นกวัยหนุ่ม จำนวน 15 ตัว และลูกนกอีก 5 ตัว เพื่อให้เป็นของขวัญในวันพ่อ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช
สำหรับนกกาบบัว เป็นนกขนาดใหญ่ที่มีความยาวตัวถึง 102 เซนติเมตร ขณะยืนมีความสูงถึง 90 เซนติเมตร ขนบนลำตัวเป็นสีขาว มีลายสีดำเหลือบเขียวบนหลัง และมีสีชมพูอ่อนคล้ายสีกลีบดอกบัวหลวงแต้มอยู่บนปีก และส่วนหลังตอนล่าง มีแถบสีดำคาดขวางบริเวณอก ขนปีก และขนหางสีดำ จะงอยปากยาวสีออกเหลือง หนังที่หน้าสีเหลืองเป็นมัน ขายาวสีน้ำตาลอ่อน นกที่มีอายุน้อยขนบนลำตัวจะมีสีน้ำตาลอ่อน ขนคอมีลายตามขอบสีดำ และไม่มีลายดำคาดตรงอก และมีเขตแพร่กระจายตั้งแต่ประเทศอินเดีย ไทย อินโดจีน มาเลเซีย ตอนใต้ของจีน ตะวันออกและตอนใต้ของพม่า โดยในประเทศไทยนั้นมีรายงานการพบนกกาบบัวในพื้นที่ลุ่ม แต่ปัจจุบัน มีรายงานการพบในธรรมชาติน้อยมาก