นครศรีธรรมราช - ผู้ว่าฯ-ผอ.สำนักศิลปากรนครศรีธรรมราช ตรวจยอดทองคำองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ระบุใช้วิกฤตเป็นโอกาสเร่งหาช่องทางบูรณะ ศิลปากรระบุเนื้อทองคำสีเพี้ยนจากเปอร์เซ็นต์ทองไม่เท่ากัน และชำรุดจากการทำปฏิกิริยากับอากาศ
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอาณัฐ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยอุปกรณ์ ได้เข้าทำการตรวจสอบปลียอดทองคำ และกลีบบัวคว่ำบัวหงายบนยอดองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หลังจากที่มีคราบสนิมเยิ้มรอบปล้องไฉน และยังขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง จนสร้างความหวั่นวิตกให้แก่พุทธศาสนิกชน รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย และอาจส่งผลต่อการเป็นมรดกโลกหลังจากถูกขึ้นบัญชีรอการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้ว
เบื้องต้น นายอาณัฐ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ได้สรุปถึงการบูรณะซ่อมบำรุงในส่วนของทองคำทั้งหมดบนยอดพระบรมธาตุเจดีย์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2535 หรือเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา และแนวโน้มถึงความเสียหายโดยเฉพาะในส่วนของกลีบบัวคว่ำที่มีสภาพทางกายภาพที่เห็นความเสียหายด้วยสายตาได้อย่างชัดเจน
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องกลีบบัวคว่ำที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาแน่นอน ซึ่งต้องใช้วิกฤตในช่วงนี้เป็นโอกาสในการหาช่องทางในการบูรณะอย่างเร่งด่วน เนื่องจากองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ และทั่วโลกก็ว่าได้ ซึ่งอาจจะต้องระดมทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธาเข้าบูรณะซ่อมแซม
ขณะที่ นายอาณัฐ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในทางเทคนิคนั้นมีการใช้แผ่นทองแผ่นใหม่ประดิษฐานแทนแผ่นเก่าที่ขาดหายไป และสีที่ผิดเพี้ยนไปนั้นอาจมีเปอร์เซ็นต์ต่ำ และที่มีเปอร์เซ็นต์ต่ำนั้นอาจต้องการความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น และอาจมีปฏิกิริยากับสภาพอากาศ และลมทะเลมากขึ้น อาจต้องมีการบูรณะอีกครั้ง คือ การเปลี่ยนแผ่นทองที่ชำรุดลงมาเป็นแผ่นใหม่ โดยเฉพาะฝั่งทางด้านทิศตะวันออกที่มีความเสียหายมาก
