xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจครู ร.ร.บ้านท่ากำชำ หลัง ผอ.ถูกลอบยิงเสียชีวิต ยืนยันจะสอนเท่าที่จะทำได้ให้ได้มากที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัตตานี - เปิดใจครู ร.ร.บ้านท่ากำชำ หลัง ผอ.ถูกลอบยิงเสียชีวิต และครูขอย้ายไปช่วยราชการที่อื่นอีก 3 คน จนประสบปัญหาครูไม่พอ โดยยืนยันจะสอนนักเรียนต่อไป แม้ว่าจะต้องรวมห้องเรียนสอนนักเรียนกว่า 100 คน วอนจัดสรรครู และผู้บริหารมาแทนตำแหน่งที่ว่างด่วน

จากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงนางนันทนา แก้วจันทร์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ครูในพื้นที่ จ.ปัตตานี ต่างเสียขวัญและหวาดกลัวต่อการทำงานในพื้นที่ เนื่องจากคนร้ายได้กระทำการอย่างเหี้ยมโหดต่อครูซึ่งเป็นผู้เป็นผู้หญิง จนเป็นเหตุให้ทางสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนใต้ต้องออกแถลงการณ์ปิดโรงเรียนในพื้นที่ จ.ปัตตานี กว่า 300 โรงอย่างไม่มีกำหนด ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา นาน 1 สัปดาห์เต็ม จนกระทั่งเปิดสอนตามปกติในวันนี้ (3 ธ.ค.)

ที่โรงเรียนบ้านท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นโรงเรียนของครูนันทนา แก้วจันทร์ ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ก็ได้เปิดการเรียนการสอนเช่นเดียวกัน โดยในวันนี้ นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อม พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง ผบ.ฉก.ปัตตานี และนายกเหลากาชาดจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ครู และนักเรียนโรงเรียนท่ากำชำ โดยคณะเหล่ากาชาดจังหวัดปัตตานี ได้มอบดอกกุหลาบให้แก่ครูของโรงเรียน และแจกขนมให้แก่เด็กนักเรียนทุคนเพื่อสร้างขวัญ และกำลังใจในการทำงานในพื้นที่

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้ให้ความเชื่อมั่นต่อแผนมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยครู และมอบเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวซึ่งหากครูท่านใดยังไม่มั่นใจ และยังคงหวาดกลัวในขณะเดินทาง ตลอดจนการอยู่ที่โรงเรียน ก็สามารถโทรศัพท์ตรงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทันที

นายมะลาเซ็น อาสัน ครูโรงเรียนบ้านท่ากำชำ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนหลังจากการปิดโรงเรียนหลายวันน่าจะเยอะพอสมควร อย่างแรกคือ เรื่องครูขออนุญาตไปช่วยราชการ ซึ่งตอนนี้ข้าราชการในโรงเรียนเหลืออยู่คนเดียวก็คือผม จากตอนแรกมีอยู่ 4 คน ส่วนที่เหลื่อก็เป็นพนักงานราชการอีก 3 คน เด็กนักเรียน 7 ห้อง ตอนนี้จำนวนครูที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอกับชั้นเรียน และในช่วงแรกอาจจะยังไม่มีการเรียนการสอนเต็มที่ อาจจะรวมห้องเรียนก่อนสักพัก ก่อนที่จะมีการจัดสรรครูลงมาสอนครบห้อง

“ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ต้องพยายามให้เด็กได้อยู่ที่โรงเรียน ได้มีครูช่วยดูแล อาจจะไม่มีการเรียนการสอนที่เต็มที่ แต่จะพยายามให้เด็กได้มาโรงเรียนก่อน ส่วนขวัญและกำลังใจก็เป็นเรื่องสำคัญ เหมือนกับครูที่ไปช่วยราชการ ถ้าเราจะบังคับให้เขาอยู่ที่นี่ก็คงลำบากใจ เพราะว่าเรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าครูมีความหวาดกลัว ถึงมาโรงเรียนได้คิดว่าจะทำงานการเรียนการสอนไม่ได้ เพราะว่าครูมีความหวาดกลัวหวาดระแวง เราก็ต้องเห็นใจคนที่ทำหน้าที่ตรงนี้ด้วย ถ้าเรามาแล้วเราสบายใจเราก็สอนเด็กได้เต็มที่ เราต้องพยายามรักษาคนที่ยังอยู่ตรงนี้ ที่ยังพอมีกำลังใจที่จะดูแลเด็ก พยายามพูดคุยกับเด็ก สอนเท่าที่จะทำได้ให้ได้มากที่สุด” นายมะลาเซ็น กล่าว

สำหรับสิ่งที่ต้องการเร่งด่วนที่สุดตอนนี้ คือ เรื่องครู เพราะว่ากิจกรรมการเรียนการสอนจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีครู แต่ทุกวันนี้มีครูอยู่ 4 คน เด็ก 7 ห้อง ซึ่งคิดว่าคงจะลำบาก ครูอาจจะประคับประคองได้สักพักหนึ่ง แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ตลอด ครูที่เหลือแทนที่จะมีกำลังใจจะกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของครูที่เหลืออีกอย่างหนึ่ง

“และอีกเรื่องก็คือ เรื่องผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งเปรียบเหมือนหัวเรือของโรงเรียน เพราะถ้าไม่มีหัวเรือ ก็ไม่มีคนบังคับทิศทางของโรงเรียน ครูสามารถทำการเรียนการสอนได้เต็มที่ แต่ว่าอำนาจคำสั่งต่างๆ ก็ไม่มี ถ้ามีผู้บริหารโรงเรียนก็ไม่รู้ทิศทาง นี่ก็เป็นส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งครับ” นายมะลาเซ็นระบุ

ขณะที่ ด.ญ.แวพิรเดาร์ ยูโซ๊ะ อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนท่ากำชำ กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่โรงเรียนเปิดเรียนอีกครั้งเพราะจะได้เรียนหนังสือ รู้สึกคิดถึงครูนันทนามาก เพราะครูนันทนาใจดี และสอนตนด้วย และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากบอกคนที่ทำร้ายครูของตนว่าหยุดทำร้ายครูได้แล้ว
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น