ส่งท้ายปี 2555 ด้วยการไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองนราธิวาส จังหวัดปลายสุดแดนด้ามขวานติดชายแดนมาเลเซีย อีกหนึ่งพื้นที่ที่ผู้คนเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา สร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจท่ามกลางไฟใต้ ทั้งวิหารองค์จตุคามรามเทพ, ศาลเจ้าจีนเก่าแก่กว่า 50 ปี, พระพิฆเนศสุดวิจิตรบรรจง และพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
“นราธิวาส” เป็นคำที่ตั้งขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2458 แปลว่า ที่อยู่ของคนดี มาจากชื่อเดิมในภาษามลายูว่า มนารา หรือ มนารอ (Menara) ซึ่งมาจากคำเต็มว่า “กัวลา มนรา (Kuala Menara)” ที่แปลว่า “กระโจมไฟ หรือหอคอยปากแม่น้ำ” เนื่องจากเป็นเมืองชายฝั่งตะวันออกของแหลมมลายู อยู่ริมฝั่งทะเลอ่าวไทย ประกอบกับมีแม่น้ำสำคัญ 4 สาย คือ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำตากใบ และแม่น้ำสุไหงโก-ลก
จังหวัดนราธิวาส ตั้งอยู่ตรงปลายสุดในแผนที่รูปด้ามขวานของประเทศไทย ติดกับชายแดนรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม กระนั้นก็ยังมีชาวไทยพุทธ และชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่มายาวนานหลายสิบปี และสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เคารพบูชาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
เริ่มต้นที่ “วิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ” ซึ่งจัดสร้างขึ้นโดยกลุ่มปัญจธรรมนราธิวาส ด้วยความห่วงใยชาวบ้าน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ จึงจัดทำวัตถุมงคลแจกจ่ายแก่เจ้าหน้าที่ พร้อมจัดทำรูปหล่อให้ประชาชนได้สักการะเคารพบูชาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และบำรุงขวัญกำลังใจท่ามกลางเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพนี้ ตั้งอยู่ที่ ถ.นรสุขอนุสรณ์ ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2549 โดยปัจจุบัน มีองค์พ่อจตุคามฯประดิษฐานอยู่ถึง 4 องค์ ได้แก่ องค์พ่อจตุคามฯ ประทับท่านั่งมหาราชลีลา (ธาตุดิน) จำนวน 2 องค์, องค์พ่อจตุคามฯ นาคปรก 9 เศียร (ธาตุน้ำ) และองค์พ่อจตุคามฯ ประทับยืน (ธาตุลม)
ปัจจุบัน วิหารดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แม้ว่าภายนอกวิหารจะยังไม่แล้วเสร็จ แต่ภายในวิหารก็ประดับประดาอย่างสวยงาม พร้อมประดิษฐานองค์พ่อจตุคามฯ ทั้ง 4 องค์ให้ประชาชนผู้เลื่อมใสได้กราบไหว้สักการะ
จากนั้น เดินทางต่อไปยัง “ศาลเจ้าโก้วเล้งจี่” ซึ่งเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของเมืองนราธิวาส และอยู่คู่เมืองมายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลนราธิวาส โดยภายในศาลเจ้าได้ประดิษฐานองค์พระ และเทพเจ้าต่างๆ รวม 23 องค์ นอกจากนี้ ยังมีประติมากรรมปูนปั้น และภาพเขียนฝาผนังลายเส้นอ่อนช้อยสวยงามตามแบบศิลปะจีนให้ชมอีกด้วย
สำหรับองค์พระที่ประดิษฐานภายในศาลเจ้า ได้แก่ องค์พระยูไลฮุกโจ้ว, องค์ไต่เซี่ยฮุกโจ้ว (ประทับนั่ง), องค์ไต่เซี่ยฮุกโจ้ว (ประทับยืน), องค์ไต่ตีกงฮุกโจ้ว, องค์โจ้วซื้อฮุกโจ้ว, องค์ฉานงานส่วย, องค์พระหมอสายบุรี, องค์พระหมอปัตตานี, องค์นาจาไท้จื้อ, องค์อั้งไฮยี่, องค์พระร้อยแปด, องค์เจ้าแม่กวนอิม, องค์เจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ, องค์เจ้าแม่ทับทิม, องค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว, องค์เจ้าแม่จือเทียนเหนียง, องค์เจ้าธรณีแป๊ะกง, องค์เจ้าธรณีแป๊ะกง (องค์เล็ก), องค์พ่อจตุคามรามเทพ, หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด, องค์เทพเจ้ากวนอู, องค์พระอรหันต์จี้กงฮัวฮุก และองค์เจ้าพ่อขุมทรัพย์
ถัดไปไม่กี่ก้าว ก็มี “พระพิฆเนศ” องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ทางซ้ายของศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ ขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร สูง 16 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 9 ปี โดยมีสีสัน และรูปลักษณ์ประณีตสวยงามอย่างยิ่ง
สำหรับความเป็นมาของประติมากรรมพระพิฆเนศองค์นี้ จัดสร้างขึ้นโดยชาวราธิวาส โดยมีนายอินดาร์แซล บุศรี เจ้าของกิจการร้านดีวรรณพาณิชย์ ผู้จำหน่ายผ้ารายใหญ่ในพื้นที่เป็นโต้โผใหญ่ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปะ ความเมตตา และความสำเร็จตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
ประกอบกับต้องการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทยซึ่งตนได้มาพำนักอาศัย และประกอบกิจการจนเจริญก้าวหน้ามากว่า 60 ปี จึงสร้างองค์พระพิฆเนศ พร้อมวิหารองค์เทพหนุมาน และองค์เทพไสบาบา ประดิษฐานอยู่ทางซ้าย และขวา เพื่อให้เป็นที่เคารพสักการะสำหรับผู้เสื่อมใสศรัทธาที่เดินทางมาจากทุกสารทิศ
ปิดท้ายด้วย “พุทธอุทยานวัดเขากง” กราบสักการะ “พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรประทับนั่งกลางแจ้ง ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ หน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 24 เมตร เป็นพุทธศิลป์สกุลช่างอินเดียตอนใต้ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยโมเสดสีทองทั้งองค์ สีทองอร่ามงดงามราวกับสร้างด้วยทองคำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาที่วัดเขากง ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส
และในบริเวณวัดเขากงยังมี “วิหารหลวงปู่ปอเลาะห์ (เป๊าะเล๊าะ) จันทูปโม” อดีตเจ้าอาวาสวัดเขากง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวไทยพุทธในพื้นที่
นอกจากนี้ ใน จ.นราธิวาส ยังมีวัด ศาลเจ้า และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนเคารพบูชาอีกมากมาย สิ่งสำคัญคือ ไหว้พระขอพรแล้วอย่าลืมคิดดีทำดี ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ทำตนเป็นเป็นคนดีให้ควรค่าแก่การได้รับพรด้วย