ตรัง - โจรชั่ว ถีบ จยย.ชิงกระเป๋าสาวหน้างานแต่ง แต่ไม่รอดถูกแขกที่มาร่วมยกขันหมากกรูจับตัวส่งตำรวจ คอตกนอนในคุก สารภาพหาเงินซื้อยาบ้าเสพ
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (27 พ.ย.) ศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ใกล้กับร้านกนกภัตตาคาร บน ถ.วิเศษกุล ต.ทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง โดยมีผู้บาดเจ็บ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ หลังรับแจ้งจึงประสานไปยัง ร.ต.ท.ธานินทร์ หนูดุก รอง สวป. นำกำลังชุดสายตรวจปราบปรามเข้าตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ พบแขกเหรื่อที่กำลังไปร่วมยกขันหมากในงานแต่งงานใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ได้ช่วยกันควบคุมตัวผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์ไว้ได้ ทราบชื่อคือ นายวีรพงษ์ แซ่หลี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 3 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง โดยอยู่ในอาการมึนเมาคล้ายกับคนเสพยาบ้า พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าสะพาย ภายในมีเงินสด 1,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ใกล้ๆ กันยังพบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่กลางถนน 2 คัน
ส่วนผู้เสียหายทราบชื่อคือ น.ส.ยุพเรศ เสาวภาคย์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92/30 ถ.ห้วยยอด ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ได้รับบาดเจ็บจากการที่รถจักรยานยนต์ล้ม มีบาดแผลถลอกทั้งที่ข้อศอก และที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลตรัง และควบคุมตัว นายวีรพงษ์ พร้อมกับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์-ดำ ทะเบียน ขยฉ 602 ตรัง ที่ใช้ในการก่อเหตุนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง
จากการสอบสวน นายวีรพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสายดังกล่าวเพื่อตระเวนหาเหยื่อ ระหว่างนั้นบังเอิญมาเจอกับ น.ส.ยุพเรศ ผู้เสียหาย ซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีมารดานั่งซ้อนท้ายสวนทางมาพอดี จึงตัดสินใจเลี้ยวหัวรถขับประกบตามหลังผู้เสียหาย ก่อนลงมือกระชากกระเป๋า แต่เนื่องจากได้ใช้ความแรงมากจึงทำให้รถจักรยานยนต์ทั้งของตนและผู้เสียหายเสียหลักล้มลงไปกองอยู่กลางถนน และหลังจากรถจักรยานยนต์ล้มแล้ว มารดาของ น.ส.ยุพเรศ ผู้เสียหายได้พยายามเข้ามาแย่งกระเป๋าคืน จนทำให้แขกเหรื่อที่ไปร่วมยกขันหมากในงานแต่งงานที่หน้าร้านกนกภัตตาคารเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงได้กรูเข้ามาช่วยกันจับกุมนายวีรพงษ์ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว โดยเบื้องต้น ถูกแจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี หรือนำพาทรัพย์นั้นไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า นายวีรพงษ์เคยก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยรับหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ให้แก่เพื่อนอีกคนหนึ่ง และครั้งนั้นได้เงินมาเพียง 500 บาทเท่านั้น ก่อนจะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วงด้วย จึงแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา ในคดีเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (27 พ.ย.) ศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ใกล้กับร้านกนกภัตตาคาร บน ถ.วิเศษกุล ต.ทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง โดยมีผู้บาดเจ็บ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ หลังรับแจ้งจึงประสานไปยัง ร.ต.ท.ธานินทร์ หนูดุก รอง สวป. นำกำลังชุดสายตรวจปราบปรามเข้าตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ พบแขกเหรื่อที่กำลังไปร่วมยกขันหมากในงานแต่งงานใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ได้ช่วยกันควบคุมตัวผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์ไว้ได้ ทราบชื่อคือ นายวีรพงษ์ แซ่หลี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 3 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง โดยอยู่ในอาการมึนเมาคล้ายกับคนเสพยาบ้า พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าสะพาย ภายในมีเงินสด 1,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ใกล้ๆ กันยังพบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่กลางถนน 2 คัน
ส่วนผู้เสียหายทราบชื่อคือ น.ส.ยุพเรศ เสาวภาคย์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92/30 ถ.ห้วยยอด ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ได้รับบาดเจ็บจากการที่รถจักรยานยนต์ล้ม มีบาดแผลถลอกทั้งที่ข้อศอก และที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลตรัง และควบคุมตัว นายวีรพงษ์ พร้อมกับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์-ดำ ทะเบียน ขยฉ 602 ตรัง ที่ใช้ในการก่อเหตุนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง
จากการสอบสวน นายวีรพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสายดังกล่าวเพื่อตระเวนหาเหยื่อ ระหว่างนั้นบังเอิญมาเจอกับ น.ส.ยุพเรศ ผู้เสียหาย ซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีมารดานั่งซ้อนท้ายสวนทางมาพอดี จึงตัดสินใจเลี้ยวหัวรถขับประกบตามหลังผู้เสียหาย ก่อนลงมือกระชากกระเป๋า แต่เนื่องจากได้ใช้ความแรงมากจึงทำให้รถจักรยานยนต์ทั้งของตนและผู้เสียหายเสียหลักล้มลงไปกองอยู่กลางถนน และหลังจากรถจักรยานยนต์ล้มแล้ว มารดาของ น.ส.ยุพเรศ ผู้เสียหายได้พยายามเข้ามาแย่งกระเป๋าคืน จนทำให้แขกเหรื่อที่ไปร่วมยกขันหมากในงานแต่งงานที่หน้าร้านกนกภัตตาคารเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงได้กรูเข้ามาช่วยกันจับกุมนายวีรพงษ์ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว โดยเบื้องต้น ถูกแจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี หรือนำพาทรัพย์นั้นไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า นายวีรพงษ์เคยก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยรับหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ให้แก่เพื่อนอีกคนหนึ่ง และครั้งนั้นได้เงินมาเพียง 500 บาทเท่านั้น ก่อนจะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วงด้วย จึงแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา ในคดีเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)