ต้มยำกุ้งมาเลย์แฮปปี้ ศอ.บต.จับมือสถานทูตไทยสะสางทุกปัญหา

ปัตตานี - ศอ.บต.ร่วมกับสถานทูตไทย เข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการต้มยำ ที่ประเทศมาเลเซีย รับทราบปัญหา และหาแนวทางแก้ไข ทั้งหาแหล่งทุน ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และชมรมต้มยำกุ้งถูกมองเป็นกลุ่มก่อการไม่ดี

วันนี้ (20 พ.ย.) ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายกฤต ไกรจิตติ เอกอักรราชทูตไทย ประจำประเทศมาเลเซีย ได้เปิดบ้านเชิญตัวแทนชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารต้มยำ ในประเทศมาเลเซียในนามชื่อชมรมต้มยำไทยคลับ (TYT) เพื่อเข้าร่วมหารือกันรับทราบปัญหา และหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยมี พ.ท.เอนก ยมจินดา รองเลขาธิการ ศอ.บต. นายทรงศัก สายเชื้อ อัครราชทูต น.ส.ภัทรพร สมันตรัฐ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

ส่วนประเด็นข้อเสนอของผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นปัญหาขาดแรงงาน เนื่องจากทางการของมาเลเซียอนุญาตให้เพียงตำแหน่งกุ๊ก กับตำแหน่งผู้ประกอบการ จึงทำให้เกิดปัญหาขาดแรงงานขึ้น เพราะการเปิดร้านอาหารไม่ได้มีเพียงสองตำแหน่ง บางร้านต้องใช้คนงานมากกว่าสิบคน นอกจากนั้น ผู้ประกอบการได้เรียกร้องให้มีการจัดระดับชั้นของลูกจ้างในร้านต้มยำ เพราะปัจจุบัน ทางการประเทศมาเลเซียได้อนุญาตให้ทำ เวิร์ก เพอร์มิต (WORKPEMIT) ใบอนุญาตให้เฉพาะตำแหน่งผู้ประกอบการ กับกุ๊กเพียงสองตำแหน่ง จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องจ้างคนงานในตำแหน่งผู้ช่วยกุ๊ก มีค่าใช้จ่ายในการทำเวิร์ก เพอร์มิตเท่ากับตำแหน่งกุ๊ก มีค่าใช้จ่ายรายละ 13,000 บาทต่อ 1 คน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก กลายเป็นภาระที่ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัญหาดังกล่าว ทางสถานทูตได้รับเรื่องทั้งหมดประสานไปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการประเทศมาเลเซีย เพื่อให้มีการลดหย่อนกับมาตรการดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ ทางหน่วยงานของประเทศมาเลเซียรับที่จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือ และเพื่อพิจารณาในเร็วๆ นี้

นายอุเทน หมาดหมาน หัวหน้าศูนย์ กศน.ในรัฐกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในฐานะเลขาชมรมต้มยำไทยคลับ (TYT) กล่าวว่า รู้สึกปลื้มใจที่ทาง ศอ.บต.และสถานเอกอัครราชทูตไทย ที่ได้ยื่นมือเข้าช่วยคนไทยที่ประกอบอาชีพเปิดร้านต้มยำในประเทศมาเลเซีย นับเป็นครั้งแรกที่ทางชมรมได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ เข้ามารับทราบปัญหา เพราะที่ผ่านมา ทางชมรมได้ดำเนินการทุกอย่างตามลำพัง จึงทำให้เราต้องรวมตัวกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ตัวเอง แต่บางช่วงของรัฐบาลกลับมองว่าเรารวมตัวเพื่อก่อการไม่ดี จึงทำให้เราต้องเปลืองกับสาดโคลนข้อหาดังกล่าวมาแล้ว

ครั้งนี้นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราสามารถรวมตัวอีกครั้งภายใต้การดูแลของสองหน่วยงานหลัก จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา ทาง ศอ.บต.ได้ช่วยจัดหาแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการสามารถกู้ในการประกอบกิจการร้านอาหารในประเทศมาเลเซีย ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน และผมเชื่อว่า ปัญหาทุกอย่างต้องได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน