ระนอง - ชาวบ้านบ้านแพใหม่ หมู่ 5 ต.บางริ้น จ.ระนอง กว่า 100 คน รวมตัวยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ระนอง ขอความช่วยเหลือกรณีที่นายทุนอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินป่าชายเลน และสร้างกำแพงปิดทางเข้า-ออกของชาวบ้านที่อาศัยมาเป็นเวลาช้านานแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (19 พ.ย.) ได้มีชาวบ้านกว่า 100 คน เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดระนอง เพื่อขอพบว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ในขณะที่เดินทางมารับตำแหน่งวันแรก ที่ศาลากลาง จ.ระนอง เพื่อเรียกร้องให้ช่วยเหลือกรณีปัญหาถูกนายทุนเข้าไปบุกรุก และรุกไล่ให้ออกจากที่อาศัยและที่ดินทำกินบริเวณบ้านแพใหม่ ตั้งอยู่ ม.5 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนชาวบ้านร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
นางลัดดา ทำทอง ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกล่าวว่า บริเวณพื้นที่บ้านแพใหม่มีชาวบ้านได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยได้รวมประมาณ 50 ครัวเรือน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าชายเลนที่หน่วยงานเกี่ยวข้องอนุโลมให้ประชาชนอยู่อาศัยได้ แต่พบว่า ในระยะหลังมีกลุ่มนายทุนเข้ามาแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินผืนดังกล่าว พร้อมมีการสร้างกำแพงกั้นปิดทางเข้า-ออก และส่งลูกน้องมารุกไล่ชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ จึงทำให้ชาวบ้านบางส่วนที่หวั่นเกรงอิทธิพลยอมที่จะออกไปอาศัยในพื้นที่อื่น ส่วนชาวบ้านที่อยู่อาศัยอีกประมาณ 50 ครัวเรือนจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าชายเลนใครก็ไม่สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้ การที่นายทุนเข้ามาแอบอ้างน่าจะไม่ถูกต้อง จึงต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบปัญหา และหาทางช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วนต่อไป ก่อนปัญหาความขัดแย้งจะบานปลาย
นายขยาย ทองหนูนุ้ย หัวหน้าทรัพยากรป่าชายเลนที่10 กล่าวว่า บริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าชายเลน และพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีปัญหามาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะปัญหาในการซื้อขายสิทธิในการครอบครองที่ดินป่าชายเลนมีการซี้อขายเปลี่ยนมือทับซ้อนกันจนเป็นปัญหามาถึงทุกวันนี้
ด้านนายปัญญา หนูเชียร กำนันหมู่ที่ 5 กล่าวว่า โดยเฉพาะปัญหาในการซื้อขายสิทธิในการครอบครองที่ดินป่าชายเลนมีการซี้อขายเปลี่ยนมือทับซ้อนกันจนตนเองซึ่งเป็นผู้นำชุมชนไม่กล้าที่จะเซ็นรับรองหนังสือเพื่อไปทำการยืนยันการออกสำเนาทะเบียนบ้านต่อเจ้าหน้าที่ปกครอง ทำให้เจ้าของบ้าน หรือที่ดินบางรายไม่สามารถออกบ้านเลขที่เพื่อทำการขอมิเตอร์ไฟฟ้า และน้ำประปาได้ แต่ตนเองจะพยายามสืบค้นหาเจ้าของที่แท้จริงเป็นรายๆ ไป โดยเฉพาะรายใหม่ๆ และจะรับรองหนังสือให้แก่ผู้ที่ครอบครองที่ดินที่อยู่มาก่อนนานเป็น 10 ปีแล้ว และไม่มีการเปลี่ยนมือเลย ส่วนผู้ที่ครอบครองในที่ดินรายใหม่ๆ ตนจะต้องมั่นใจว่าจะไม่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินทับซ้อนอีก ซึ่งตนจะต้องพิจารณากันเป็นรายๆ ไป ซึ่งทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นที่พอใจ และสลายการประชุมโดยที่ไม่ต้องยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง
