พระนครศรีอยุธยา - ตลิ่งกรุงเก่าทรุดซ้ำซาก ชาวบ้านตำบลไทรน้อย บางบาล พระนครศรีอยุธยาผวา เตรียมย้ายหนีกว่า 10 ครอบครัว สาเหตุจากเรือบรรทุก เผยเคยร้องขอความช่วยเหลือจากจังหวัดสร้างกำแพงเขื่อนกั้นแต่ยังไร้วี่แวว
วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ได้เกิดดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 3 ต.ไทรน้อย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ทรุดตัวลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นระยะทางยาวเกือบ 200 เมตร และมีบ้านเรือนประชาชนอย่างน้อย 4 หลังคาเรือนที่กำลังจะพังลงไปด้วย
จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพบว่า บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ หมู่ 3 ต.ไทรน้อย อ.บางบาล มีดินทรุดตัวลงไปเป็นระยะทางยาวเกือบ 200 เมตรจริง และพังลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาวัดจากริมแม่น้ำเข้ามายังบริเวณที่เกิดการทรุดตัวประมาณ 5 เมตร และเหลืออีกประมาณ 2 เมตรก็จะถึงตัวบ้านเรือนประชาชนอย่างน้อย 4 หลังคาเรือน ซึ่งพบว่า ชาวบ้านบางส่วนได้เริ่มทยอยกันรื้อบ้านออกเพื่อย้ายจากส่วนที่เสี่ยงต่อการพังทลายไปอยู่ทางด้านหลังบ้าน ขณะที่บางบ้านได้รื้อบ้านออกไปทั้งหลังเพื่อหาที่ปลูกบ้านใหม่ ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ และบ้านทรงไทยชั้นเดียวยกพื้นเป็นใต้ถุนสูง
ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่ที่ 8 และ 9 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล มองเห็นมีการสร้างเขื่อนไม้แบบชั่วคราวป้องกันดินพังเป็นทางยาวไว้แล้ว ระยะทางเกือบ 300 เมตร นอกจากนี้ยังพบว่ามีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่วิ่งสวนกันไปมาตลอดทั้งวัน ทำให้เกิดคลื่นซัดเข้าฝั่งทั้งสองด้าน และมีการสไลด์ตัวลงไปของดินริมแม่น้ำอยู่เป็นระยะ
นางสมควร เชยสกุล อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 3 ต.ไทรน้อย เผยว่า ตนได้รื้อบ้านออกไปแล้วบางส่วน เนื่องจากดินพังทลายมาจนถึงตัวบ้าน และมีแนวโน้มว่าจะพังอย่างต่อเนื่อง
นางสมควร เปิดเผยด้วยว่า เหตุการณ์ดินพังทลายนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2539 เรื่อยมา ครั้งนั้นมีบ้านพังลงไปถึง 11 หลังคาเรือน จากนั้นก็เกิดการพังทลายมาอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านได้รวบรวมส่งรายชื่อขอความช่วยเหลือจากทางเทศบาลตำบลบางบาล และทางจังหวัด แต่ก็ยังไม่ได้มีการป้องกัน ทั้งที่เคยมีการแจ้งแก่ชาวบ้านว่าจะสร้างเขื่อนชั่วคราว แต่ก็ไม่สร้างจนชาวบ้านต้องรื้อบ้านหนีไป
“โดยพบว่าหลายแห่งก็มีการสร้างแล้ว สิ่งที่กังวลขณะนี้คือ เมื่อประมาณ 3 วันที่แล้วได้เกิดการทรุดตัวของดินลงไปอีก ห่างจากบ้านแค่ 2 เมตรจึงต้องจ้างช่างมารื้อบ้านบางส่วนออกไปเพื่อความปลอดภัย เรื่องความช่วยเหลือทางการก็บอกว่า ยังช่วยไม่ได้ต้องให้บ้านพังลงไปทั้งหลังก่อน จึงอยากที่จะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยทำเขื่อนไม้ชั่วคราวก็ยังดีเพื่อป้องกันดินพัง”
ด้านนางละออ กันสกุล อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 17/1 ม.3 ต.ไทรน้อย เป็นอีกหลังที่รื้อบ้านออกไปแล้ว 1 หลัง และยังเหลือหลังที่อยู่ติดกับหลังแรก บอกว่า ขณะนี้เหลืออีก 1 เมตรเศษดินก็จะทรุดถึงตัวบ้าน ตอนนี้กังวลใจมาก เนื่องจากไม่รู้จะรื้อบ้านไปปลูกที่ไหนเพราะที่ดินไม่มีแล้ว
“อยากให้ทางการ หรือทางเทศบาลตำบลบางบาล มาช่วยเหลือหาที่ดินให้ปลูกก่อน แล้วมาสร้างเขื่อนป้องกันก็จะดี ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะไม่รู้ว่าจะพังลงไปอีกเมื่อไหร่”
ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้านต้องได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยกว่า 10 ครอบครัว หรือประมาณ 50 คน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ดินพังทลาย เชื่อว่ามาจากการที่ถูกน้ำท่วมนานเมื่อปีที่ผ่านมา และน้ำลงเร็ว ประกอบกับอากาศร้อนมากทำให้ดินไสลด์ตัว อีกทั้งยังเจอปัญหาจากเรือสินค้าขนาดใหญ่วิงทั้งวันทั้งคืน ทำให้ดินไสลด์ตัวลงไปกลางแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า รับทราบเรื่องแล้ว และได้ประสานให้ทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) พระนครศรีอยุธยา ลงไปตรวจสอบ และประสานกับทางเทศบาลตำบล (อบต.) บางบาลว่าจะเร่งให้ความช่วยเหลือในเรื่องใดได้บ้าง
