นราธิวาส - ปลัดกระทรวงคมนาคม ควงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถไฟที่ 453 ยะลา-สุไหงโก-ลก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 2 ราย ได้รับบาดเจ็บ 36 ราย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (18 พ.ย.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมเดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถไฟที่ 453 วิ่งต้นทางจากสถานีรถไฟยะลา จดปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก เสียหาย เหตุเกิดในช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 1076 ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟสโลว์บูกิตยือแร ม.9 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ประมาณ 1 กม.
โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. พล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส และนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส คอยให้การต้อนรับ และเดินนำดูสถานที่เกิดเหตุบนโบกี้รถไฟที่ 7 ซึ่งเป็นจุดคนร้ายจุดชนวนระเบิดขณะที่โบกี้ดังกล่าวแล่นผ่าน ทำให้โบกี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถใช้งานได้
ต่อมา ได้เดินทางไปดูหลุมระเบิดซึ่งห่างจากโบกี้ที่ถูกระเบิดประมาณ 200 เมตร โดยมีนายปรีชา พรมทุ่งค้อ วิศวกรเขตการรถไฟหาดใหญ่ ซึ่งได้นำพนักงานแขวงบำรุงทางยะลา จดแขวงบำรุงทางสุไหงโก-ลก จำนวน 60 คน พร้อมอุปกรณ์เพื่อเดินทางมาซ่อมแซมรางชั้วคราวให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะนำรถปั้นจั่นจากโรงรถจักรทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มาทำการยกโบกี้ที่ตกราง จำนวน 3 โบกี้ท้ายของขบวนรถไฟสายดังกล่าว
โดยนายปรีชา วิศวกรการรถไฟหาดใหญ่ ได้รายงานแผนปฏิบัติในครั้งนี้คร่าวๆ แก่ พล.ต.อ.วิเชียร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายประภัสร์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า เหตุเกิดสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ต้องทำการเปลี่ยน และซ่อมแซมหมอนรองรางรถไฟ จำนวน 550 ท่อน ต้องเปลี่ยนเหล็กรางรถไฟเป็นระยะทางยาว 300 เมตร
และต้องกู้โบกี้ที่ตกราง 3 โบกี้ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน และขบวนรถไฟที่วิ่งล่องระหว่างสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จดปลายทางสถานีรถไฟต่างๆ ทั้งสิ้น จำนวน 14 ขบวน สามารถวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ตามปกติในช่วงเช้าของวันพุธที่ 21 พ.ย. ที่จะถึงนี้ แต่พยายามที่จะเร่งให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด
และก่อนที่ พล.ต.อ.วิเชียร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายประภัสร์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และคณะได้นั่งรถตรวจทางร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดคุย และศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนเวลาในการเดินรถของขบวนรถไฟสายต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเวลาช่วงเช้าเป็นเวลาที่กลุ่มคนร้ายสามารถแฝงตัวเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายขึ้นกับขบวนรถไฟบ่อยครั้ง จนสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน
ด้าน พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. กล่าวว่า หากมีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนที่ต้องใช้บริการของขบวนรถไฟในช่วงเช้าที่มีมากถึง 50-60 เปอร์เซ็นต์ และสิ่งที่กระทำได้ในขณะนี้ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ผบช.ศชต.กล่าวว่า ต้องปรับสภาพภูมิทัศน์รอบเส้นทางรถไฟตลอดทั้งสาย ตั้งแต่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จดปลายทางสถานีรถไฟ จ.ยะลา ในมีความโปร่ง รวมทั้งเสริมเจ้าหน้าที่ในการ รปภ.จุดเสี่ยงต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานการรถไฟ และประชาชนที่ใช้บริการ
และล่าสุด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟ 2 ราย คือ อส.พนากร ชุ่นแก้ว และนายสุขสวัสดิ์ เรืองนาม ซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น จำนวน 36 ราย สาหัส 16 ราย ซึ่งส่วนใหญ่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (18 พ.ย.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมเดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถไฟที่ 453 วิ่งต้นทางจากสถานีรถไฟยะลา จดปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก เสียหาย เหตุเกิดในช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 1076 ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟสโลว์บูกิตยือแร ม.9 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ประมาณ 1 กม.
โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. พล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส และนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส คอยให้การต้อนรับ และเดินนำดูสถานที่เกิดเหตุบนโบกี้รถไฟที่ 7 ซึ่งเป็นจุดคนร้ายจุดชนวนระเบิดขณะที่โบกี้ดังกล่าวแล่นผ่าน ทำให้โบกี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถใช้งานได้
ต่อมา ได้เดินทางไปดูหลุมระเบิดซึ่งห่างจากโบกี้ที่ถูกระเบิดประมาณ 200 เมตร โดยมีนายปรีชา พรมทุ่งค้อ วิศวกรเขตการรถไฟหาดใหญ่ ซึ่งได้นำพนักงานแขวงบำรุงทางยะลา จดแขวงบำรุงทางสุไหงโก-ลก จำนวน 60 คน พร้อมอุปกรณ์เพื่อเดินทางมาซ่อมแซมรางชั้วคราวให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะนำรถปั้นจั่นจากโรงรถจักรทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มาทำการยกโบกี้ที่ตกราง จำนวน 3 โบกี้ท้ายของขบวนรถไฟสายดังกล่าว
โดยนายปรีชา วิศวกรการรถไฟหาดใหญ่ ได้รายงานแผนปฏิบัติในครั้งนี้คร่าวๆ แก่ พล.ต.อ.วิเชียร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายประภัสร์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า เหตุเกิดสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ต้องทำการเปลี่ยน และซ่อมแซมหมอนรองรางรถไฟ จำนวน 550 ท่อน ต้องเปลี่ยนเหล็กรางรถไฟเป็นระยะทางยาว 300 เมตร
และต้องกู้โบกี้ที่ตกราง 3 โบกี้ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน และขบวนรถไฟที่วิ่งล่องระหว่างสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จดปลายทางสถานีรถไฟต่างๆ ทั้งสิ้น จำนวน 14 ขบวน สามารถวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ตามปกติในช่วงเช้าของวันพุธที่ 21 พ.ย. ที่จะถึงนี้ แต่พยายามที่จะเร่งให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด
และก่อนที่ พล.ต.อ.วิเชียร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายประภัสร์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และคณะได้นั่งรถตรวจทางร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดคุย และศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนเวลาในการเดินรถของขบวนรถไฟสายต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเวลาช่วงเช้าเป็นเวลาที่กลุ่มคนร้ายสามารถแฝงตัวเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายขึ้นกับขบวนรถไฟบ่อยครั้ง จนสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน
ด้าน พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. กล่าวว่า หากมีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนที่ต้องใช้บริการของขบวนรถไฟในช่วงเช้าที่มีมากถึง 50-60 เปอร์เซ็นต์ และสิ่งที่กระทำได้ในขณะนี้ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ผบช.ศชต.กล่าวว่า ต้องปรับสภาพภูมิทัศน์รอบเส้นทางรถไฟตลอดทั้งสาย ตั้งแต่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จดปลายทางสถานีรถไฟ จ.ยะลา ในมีความโปร่ง รวมทั้งเสริมเจ้าหน้าที่ในการ รปภ.จุดเสี่ยงต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานการรถไฟ และประชาชนที่ใช้บริการ
และล่าสุด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟ 2 ราย คือ อส.พนากร ชุ่นแก้ว และนายสุขสวัสดิ์ เรืองนาม ซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น จำนวน 36 ราย สาหัส 16 ราย ซึ่งส่วนใหญ่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์