กระบี่ - น้องเล็ก วัย 8 เดือน ที่เกิดมาไม่มีรูทวาร ที่บ้านห้วยน้ำแก้ว ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ หลังได้รับการช่วยเหลือผ่าตัดรูทวาร ต้องประสบเคราะห์ซ้ำ แม่หนี พ่อไปทำงานต่างถิ่น ทิ้งให้อยู่กับย่า และตาที่แก่ชราเพียงลำพังอย่างน่าเวทนา
เวลา 13.00 น.วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายประเสริฐ เจ๊ะหมาด ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยน้ำแก้ว ม.6 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ว่า ขณะนี้ ด.ช.ธีรพงศ์ หรือน้องเล็ก เพชรศรชัย อายุ 8 เดือน ที่เกิดมาไม่มีรูทวาร ครอบครัวฐานะยากจน อยู่บ้านเลขที่ 296 ม.6 ต.หน้าเขา ที่เคยนำเสนอข่าวเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา กำลังตกอยู่ในความลำบากอีกครั้ง หลังจากที่ผู้ใจบุญช่วยเหลือจนสามารถไปทำการผ่าตัดเจาะรูทวาร ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ปรากฎว่า พ่อและแม่ของเด็กได้หายหน้าหายตาไปโดยไม่กลับมาเหลียวแล ทิ้งให้ ด.ช.ธีรพงศ์อยู่กับผู้เป็นย่า และตาที่แก่ชราโดยลำพัง สภาพน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ดังกล่าว เมื่อไปถึงพบนางเรียม แสงสี อายุ 64 ปี ผู้เป็นย่า และนายสมควร แสงศรี อายุ 72 ปี กำลังนั่งป้อนนมให้เด็กชายธีรพงศ์ ที่นอนร้องไห้อยู่บนพื้นขนำหน้าบ้าน โดยนางเรียม กล่าวว่า หลังจากที่พ่อและแม่ของน้องเล็ก คือนายสมนึก เพชรศรชัย (ลูกชาย) และนางมาลินี คงชนะ (ลูกสะใภ้) พาไปผ่าตัดรูทวาร ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เมื่อ 2 เดือนก่อน ด้วยเงินของผู้ใจบุญที่บริจาคให้เสร็จ ก็พากลับมารักษาตัวที่บ้าน แต่พออยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ นางมาลินีผู้เป็นแม่ก็หนีไป โดยก่อนไปบอกว่าจะไปซื้อนมให้ลูกในตลาดเขาพนม แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย เวลาเวลาเกือบ 20 วันแล้ว ส่วนนายสมนึก ก็ได้ออกไปหางานทำรับแบกไม้ยางพาราอยู่ที่อำเภอปลายพระยา นานครั้งจะกลับมาดูแลลูก
นางเรียม กล่าวอีกว่า ขณะนี้หลานชายก็มีอาการตัวร้อนเป็นไข้ด้วย 2-3 คืนแล้ว ตนไม่ได้พักผ่อนเลย ต้องคอยดูแลหลาน ร้องไห้ทั้งคืนเพราะเจ็บแผล อีกอย่างงานการก็ไม่ได้ทำแล้วเพราะอายุมาก จึงเลี้ยงหลานไปตามมีตามเกิด อยากให้ลูกชาย และลูกสะใภ้กลับมาช่วยดูแลด้วย ส่วนเงินที่เขาบริจาคให้ หลังมีการนำเสนอข่าว นางมาลินีลูกสะใภ้ ก็เป็นผู้เบิกจ่ายเพียงคนเดียว ตนไม่รู้ว่าได้มาเท่าไหร่ ไม่ได้ไปยุ่งด้วย ที่สำคัญในเรื่องการดูแลทำแผลเด็กหลังผ่าตัด ตนก็ทำไม่เป็น เพราะพ่อและแม่ของเด็กเป็นคนพาไปพบหมอเอง ตอนนี้ตนทำอะไรไม่ถูกเลยและอีกไม่กี่วันหมอก็นัดดูแผลเด็กที่ รพ.จังหวัดสุราษฎร์ธานีอีก ซึ่งตนก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร
ด้านนายสมจิตร แสงสี อายุ 41 ปี ลูกชายคนโต ของนางเรียม กล่าวว่า ตนเห็นแม่แล้วรู้สึกสงสารมาก แต่ตนเองก็แยกครอบครัวไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง มีเวลาแวะเวียนมาเยี่ยมแม่เป็นครั้งคราว เพราะตนก็ฐานะไม่ดี ก็ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ ขอเพียงให้น้องชายกลับมาดูแลลูก ให้แผลผ่าตัดหายดีก็ยังดี แต่กลับทิ้งไปโดยไม่เหลียวแล ทั้งนี้ แม่ของตนก็ไม่รู้วิธีการทำแผลด้วย เพราะตอนพาไปหาหมอ น้องชาย และน้องสะใภ้เป็นคนพาไป จึงไม่รู้ว่าวิธีการ เกรงว่าแผลจะติดเชื้อ จึงอยากให้น้องสะใภ้ที่หายหน้าไปหลายวันแล้วกลับมาดูแลหลานด้วยเพราะเด็กยังต้องการแม่เป็นผู้ดูแลอยู่