xs
xsm
sm
md
lg

2 เหยื่อโจรในเครื่องแบบร้องถูกชุดสืบ สน.สำราญราษฎร์ ตบทรัพย์ร่วม 5 แสน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สาวนักศึกษา-แม่ค้าขายเสื้อผ้าอุ้มท้อง 5 เดือน บุกแจ้งความร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกตำรวจสายสืบ สน.สำราญราษฎร์ ข้ามพื้นที่ จับมั่ว รีดเงินสด ทองรูปพรรณ แถมนำเอทีเอ็มไปกดเงินอีก 2 แสนบาท ขณะที่เหยื่อแม่ค้าเผยจำหน้าได้แม่นยำชุดจับกุม นำตัวมากักขังทั้งคืนทั้งที่มีลูกน้อยวัย 2 ขวบมาด้วยก็ยังกักตัวจนถึงเช้าวันใหม่ ก่อนให้ปลดทรัพย์ ยึดสิ่งของมีค่า อ้างให้สารวัตรไว้ตรวจสอบ
ฉาวอีก! “โจรในเครื่องแบบ” สาวแม่ลูกอ่อน อุ้มท้องกระเตงลูกขึ้นโรงพัก แจ้งความร้องขอความเป็นธรรม พร้อมนักศึกษาสาว ผู้เสียหายอีก 1 ราย อ้างถูกตำรวจสายสืบ สน.สำราญราษฎร์ มั่วจับตรวจฉี่ ยัดข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยวตนเอง พร้อมลูกน้อยวัย 2 ขวบ ก่อนยึดบัตรเอทีเอ็ม บังคับให้บอกรหัส อ้างขอตรวจสอบก่อนตบทรัพย์ เครื่องประดับ ของมีค่าในตัวเกลี้ยง พร้อมกดเงินสด 2.7 แสนบาท ในบัญชีหายต๋อม รวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ลอยนวล

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 24 ก.ย. 55 น.ส.ฤทัยรัตน์ สายเล็ก อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ซอยอิสรภาพ 38 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม.แม่ค้าขายเสื้อผ้าแฟชั่น พร้อมด้วย น.ส.เกศิณี เจริญสุข อายุ 18 ปี นักศึกษาระดับชั้น ปวส.1 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ธีรพงศ์ สุทธิจำนงค์ พงส.(สบ 2) สน.สำราญราษฎร์ กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สน.สำราญราษฎร์ ประมาณ 6-7 นาย กักขังไว้ที่บริเวณชั้น 3 ในห้องสืบสวน ทั้งคืน ก่อนยึดเงินสด สร้อยคอทองคำ แหวนทอง กำไลข้อมือ และบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเงินอ้างไว้ตรวจสอบ ว่า พัวพันยาเสพติด หลังจับเหยื่อทั้ง 2 ตรวจปัสสาวะ แต่ไม่พบฉี่ม่วงแต่อย่างใด

น.ส.ฤทัยรัตน์ เหยื่อผู้เสียหาย ท้องประมาณ 5 เดือน และยังมีลูกเล็กๆ อายุ 2 ขวบ ที่อุ้มมาที่โรงพักอีก 1 คน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 5 ทุ่มของวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังนั่งคุยกับ นายเอก (นามสมมติ) อายุ 17 ปี น้องชาย ซึ่งช่วยขายผ้ากับตน และเพื่อนๆ อีกประมาณ 4-5 คน ภายในบ้านเช่า แถวตลาดนกกระจอก ใกล้กับโรงเรียนศึกษานารี อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.บุปผาราม จู่ๆ ได้มีชายประมาณ 6-7 คน อาวุธครบมือ วิ่งไล่คนร้ายที่วิ่งหลบหนีเข้ามาในบ้านเช่าหลังดังกล่าว จากนั้นกลุ่มชายดังกล่าว อ้างตัวว่า เป็นตำรวจสายสืบ สน.สำราญราษฎร์ ก็ปีนหน้าต่างเข้ามาตรวจตามห้องต่างๆ ภายในบ้านเช่าหลังดังกล่าว

จากนั้นก็จับพวกตนขึ้นรถเบนซ์ สีน้ำเงิน พานั่งมาที่โรงพัก พาขึ้นไปที่ชั้น 3 ห้องสายสืบ จับตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด แต่ไม่พบ ชุดสืบสวนกลุ่มนี้ จึงสั่งให้ถอดแหวนทอง สร้อยคอทองคำ กำไรข้อมือ เงินสด 70,000 บาท ของตนที่มีอยู่ติดตัว รวมทั้งบัตรเอทีเอ็มไปด้วย อ้างว่า สารวัตรขอไปตรวจสอบก่อน ถ้าอยากได้เงินคืนก็เอาหลักฐานมายืนยันว่าเงินเอามาจากไหน พร้อมกับนัดหนูให้มาหา หนูก็มาตามนัด พร้อมกับเอาเอกสารยืนยันใบพินัยกรรมที่ยายมอบให้มาแสดง

“แต่ตำรวจที่ห้องสืบสวน ก็ไม่สนใจ ดูๆ แล้วก็ไล่หนูกลับบ้าน และก็นัดวันอื่นอีก พอมาก็อ้างว่า สารวัตรง่วงนอนบ้าง ไม่อยู่บ้าง เอาทรัพย์สินไว้ตรวจสอบก่อน บอกอย่างนี้มาตลอด จนมาวันนี้หนูทนไม่ไหวแล้ว จึงเข้าแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน และขอความเป็นธรรม หนูขอเงินหนูคืนเถอะ เพราะหนูต้องเลี้ยงลูกน้อยวัย 2 ขวบ อีกทั้งหนูกำลังตั้งท้อง 5 เดือน ต้องเอาไปใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกที่กำลังเกิดขึ้นมาอีก 1 คนด้วย หนูขอวิงวอนเอาเงินมาคืนหนูเถอะค่ะ” น.ส.ฤทัยรัตน์ กล่าวทั้งน้ำตา

นอกจากนี้ น.ส.ฤทัยรัตน์ ยังกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า อีกว่า วันที่ชุดสืบสวนเข้าไปจับกุม ได้จับน้องชายของตน อายุ 17 ปี มาด้วย และพามาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด แต่ก็ไม่พบ เพราะน้องชายไม่ได้ติดยาเสพติด แต่ตำรวจที่ไปจับบอกว่า “ช่วยราชการ” หน่อย ส่งน้องชายไปบำบัด อ้างว่า มีสารเสพติด จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถติดต่อน้องชายได้เลย

ขณะที่ น.ส.เกศิณี นักศึกษาเหยื่อผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 5 ทุ่ม ของวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังนั่งคุยกันอยู่ จู่ๆ ได้มีตำรวจประมาณ 6-7 คน ซึ่งตนจำหน้าได้ทุกคน ได้วิ่งเข้ามาตรงบริเวณบ้านเช่า พร้อมกับสอบถามพวกตนว่า เห็นไอ้พระหรือเปล่า มันวิ่งเข้ามาตรงนี้ไหม “พวกหนูบอกว่าไม่เห็นเลย ไม่รู้จักเลย จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน อ้างว่าอยู่ สน.สำราญราษฎร์ ไปโรงพักให้หมด เมื่อไปถึงโรงพัก ก็พาพวกตนเดินขึ้นไปบนชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องฝ่ายสืบสวน จากนั้นก็จับตรวจปัสสาวะ หาสารยาบ้า ยาไอซ์ และกัญชา ก็ไม่พบ เพราะตนไม่เคยเล่นยาเสพติด แทนที่จะปล่อยตัวกลับ เพราะหนูต้องเรียนหนังสือ ตำรวจกักตัวไว้ตนถึงเช้าไม่ได้นอนทั้งคืน

จากนั้นตำรวจก็สั่งให้ปลดสร้อยคอ 1 สลึง สร้อยข้อมือ 1 สลึง เงินสดประมาณ 60,000 บาท ที่อยู่ในกระเป๋า นอกจากนี้ ยังเอาบัตรเอทีเอ็มของตนไปด้วย และถามหมายเลขบัตร อ้างว่าขอตรวจทรัพย์สิน หนูก็แสดงความบริสุทธิ์ บอกเลขบัตรไป พอไปตรวจสอบที่ธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า เงินถูกกดออกไป 200,000 บาท โดยกดครั้งละ 20,000 บาท กดไปจำนวน 10 ครั้ง ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ หน้าโลตัส แถวหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี จังหวัดปทุมธานี

ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของแม่ที่ทำงานอยู่กรมชลประทาน มีใบขอกู้ยืมเรียบร้อย เมื่อนำมาแสดงให้ตำรวจชุดจับกุมดู ก็นิ่งเฉย มีตำรวจในห้องสืบสวนจำหน้าได้แม่นยำ บอกว่า เรื่องทุกอย่างต้องไปคุยกับสารวัตร นัดมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่ยอม “หนูจึงปรึกษาผู้ใหญ่เขาจึงแนะนำให้มาแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน” น.ส.เกศิณีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจับกุมเด็กนักศึกษา และแม่ค้าขายเสื้อผ้า มาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด และยึดเงินสดของมีค่า รวมทั้งนำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดนำเงินออกไป 200,000 บาทครั้งนี้ ของตำรวจสายสืบ สน.สำราญราษฎร์ ที่เกิดเหตุที่ไปจับอยู่ในพื้นที่ของ สน.บุปผาราม

ด้าน พ.ต.ต.ธีรพงศ์ เจ้าของคดี กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เมื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความ ก็ต้องว่ากันไปตามข้อกฎหมาย ตำรวจไม่มีการช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็จะนัดแม่เด็กมาสอบถามเรื่องเงินที่มา หากว่ามีหลักฐานยืนยันได้ว่าเงินมาจากไหน ก็ไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นก็จะสอบสวนกลุ่มตำรวจที่เข้าจับกุม หากพบผิดจริง ก็ว่ากันตามกฎหมายเหมือนกัน “ผมคนตรง ใครผิดว่ากันไปตามผิด หากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พบมีมูลความจริงก็ต้องส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป” พ.ต.ต.ธีรพงศ์กล่าว
แจ้งความดำเนินคดีกับชุดตำรวจสืบสวน สน.สำราญราษฎร์ นอกรีต
กำลังโหลดความคิดเห็น