ยะลา - กรมศิลป์ฯ สั่งรื้อกระเบื้องในถ้ำพระนอน วัดคูหาภิมุขยะลา ภายใน 60 วัน หลังมีผู้ดำเนินการปูพื้นกระเบื้องโดยไม่ได้รับอนุญาต หวั่นส่งผลกระทบถึงความชื้นภายในถ้ำ ส่งผลให้องค์พระโบราณพัง
จากกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า มีบุคคลนำกระเบื้องมาปูพื้นภายในถ้ำ ซึ่งมีพระพุทธไสยาสน์ อายุกว่า 1,300 ปี ประดิษฐานอยู่ภายในวัดถ้ำคูหาภิมุข หรือวัดถ้ำ หมู่ 1 บ้านหน้าถ้ำ ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งวัดดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากรแล้ว ทั้งนี้ การนำกระเบื้องมาปูพื้นถ้ำดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร รวมทั้งเป็นการทำลายโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ด้วย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (6 พ.ย.) ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา นายชัชพงศ์ เพชรกล้า นายก อบต.หน้าถ้ำ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวทางกรมศิลป์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาประสานงานกับเจ้าอาวาสวัดคูหาภิมุข พร้อมเอกสารให้ดำเนินการรื้อถอนกระเบื้องภายใน 60 วัน ด้วยเหตุผลที่ว่า ชาวบ้านที่ต้องการบูรณะพื้นที่ภายในถ้ำพระนอนนั้นไม่ได้ขออนุญาตจากกรมศิลป์ และได้ดำเนินการไม่ถูกต้องด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากการปูพื้นกระเบื้องดังกล่าวจะส่งผลกระทบถึงความชื้นภายในถ้ำที่ไม่สามารถระเหยความชื้นขึ้นมาได้ ซึ่งจะส่งผลให้องค์พระโบราณภายในถ้ำชำรุดได้ แต่จริงๆ แล้ว ทางกรมศิลป์ไม่ได้ห้ามที่จะบูรณะ เพียงแต่จะต้องมาขออนุญาต เพื่อที่จะได้แนะนำในเรื่องของชนิดกระเบื้อง แนวการปูพื้นว่าจุดใดปูพื้นได้ จุดใดไม่สมควรปูพื้นซึ่งเป็นเรื่องของวิชาการ
นายชัชพงศ์ เพชรกล้า นายก อบต.หน้าถ้ำ ระบุว่า วัดถ้ำคูหาภิมุขถูกขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานมานานแล้ว ชาวบ้านที่มาดำเนินการปูพื้นกระเบื้องนั้นก็คงจะไม่ทราบเรื่องนี้ และก็ไม่ทราบว่าจะไปติดต่อประสานงานอย่างไรกับใคร จึงได้ดำเนินการโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งหลังจากทางกรมศิลป์มีคำสั่งให้ผู้ที่ปูพื้นกระเบื้อง และต้องรื้อถอนภายใน 60 วัน หากภายใน 60 วันนี้ยังไม่มีการดำเนินการรื้อถอนก็จะต้องรอดูคำสั่งของกรมศิลป์ต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร