ยะลา - กอ.รมน.ภาค 4 สน. เชื่อศาลจังหวัดนาทวีเตรียมยกฟ้อง 2 ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง หลังผ่านเข้าสู่กระบวนการตามมาตรา 21 เผยเป็นสัญญาณที่ดีในการดับไฟใต้ว่าภาครัฐตั้งใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และพร้อมให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย
เวลา 11.20 น. วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พ.อ. (พิเศษ) ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้มาตรา 21 ในพื้นที่ภาคใต้ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นวันที่ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนาทวีได้มีคำสั่งระงับการฟ้องคดีอาญาต่อผู้ต้องหาความมั่นคงที่ได้เข้าสู่กระบวนการอบรมตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ปี 2551
โดยผู้ต้องหา 2 คนนี้ รายหนึ่งเคยก่อคดีใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อปี 2547 และอีกรายก่อคดีที่บ้านเกาะแลหนัง อ.เทพา จ.สงขลา ปี 2555 ซึ่งทั้ง 2 คน สมัครใจเข้ารับการอบรมแทนการฟ้องตามมาตรา 21 โดยทั้งสองได้ผ่านขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่การรายงานตัว การตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับคดี การให้การเยียวา และสุดท้าย ศาลสั่งให้ทำการอบรมแทนการฟ้อง ในระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. สิ้นสุด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2555
โดยในวันนี้ ทางศาลจังหวัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ได้นัดให้มาฟังคำพิพากษา ว่า 2 ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงดังกล่าว เข้าข่ายในการระงับการฟ้องคดีอาญาหรือไม่ โดยทั้ง 2 คนนี้ได้มีการอบรมให้เข้าใจถึงหลักศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง รวมทั้งมีการฝึกอาชีพให้ด้วย โดยทั้งสองเลือกประกอบอาชีพหลังจากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ คนแรกคือ นายรอมยาลี บือราเฮง บ้านเดิมอยู่ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งต้องการเป็นช่างตัดผม ส่วนอีกคนต้องการเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการอบรมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในช่วงบ่ายวันนี้ ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ก็จะไปพบปะกับทั้งสองคน และจะมอบอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพให้
ซึ่งเราหวังว่าทั้งสองคนนี้จะเป็นเครื่องส่งสัญญาณที่ดี และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของภาครัฐในการเข้ามาแก้ปัญหาแก่ผู้ที่มีความเห็นต่างจากภาครัฐ มีอุดมการณ์ในการต่อสู้ เราไม่คิดว่าพวกเขาเป็นอาชญากร แต่อาชญากรรมที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความหลงผิดในเรื่องของหลักคำสอนทางศาสนา จึงอยากเรียนประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ที่กำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ว่า ทางรัฐบาลพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคนที่เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ถ้าศาลพิสูจน์ได้ว่า กระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการอบรมแทนการฟ้อง ตามมาตรา 21 ต่อไป
เวลา 11.20 น. วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พ.อ. (พิเศษ) ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้มาตรา 21 ในพื้นที่ภาคใต้ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นวันที่ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนาทวีได้มีคำสั่งระงับการฟ้องคดีอาญาต่อผู้ต้องหาความมั่นคงที่ได้เข้าสู่กระบวนการอบรมตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ปี 2551
โดยผู้ต้องหา 2 คนนี้ รายหนึ่งเคยก่อคดีใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อปี 2547 และอีกรายก่อคดีที่บ้านเกาะแลหนัง อ.เทพา จ.สงขลา ปี 2555 ซึ่งทั้ง 2 คน สมัครใจเข้ารับการอบรมแทนการฟ้องตามมาตรา 21 โดยทั้งสองได้ผ่านขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่การรายงานตัว การตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับคดี การให้การเยียวา และสุดท้าย ศาลสั่งให้ทำการอบรมแทนการฟ้อง ในระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. สิ้นสุด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2555
โดยในวันนี้ ทางศาลจังหวัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ได้นัดให้มาฟังคำพิพากษา ว่า 2 ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงดังกล่าว เข้าข่ายในการระงับการฟ้องคดีอาญาหรือไม่ โดยทั้ง 2 คนนี้ได้มีการอบรมให้เข้าใจถึงหลักศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง รวมทั้งมีการฝึกอาชีพให้ด้วย โดยทั้งสองเลือกประกอบอาชีพหลังจากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ คนแรกคือ นายรอมยาลี บือราเฮง บ้านเดิมอยู่ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งต้องการเป็นช่างตัดผม ส่วนอีกคนต้องการเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการอบรมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในช่วงบ่ายวันนี้ ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ก็จะไปพบปะกับทั้งสองคน และจะมอบอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพให้
ซึ่งเราหวังว่าทั้งสองคนนี้จะเป็นเครื่องส่งสัญญาณที่ดี และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของภาครัฐในการเข้ามาแก้ปัญหาแก่ผู้ที่มีความเห็นต่างจากภาครัฐ มีอุดมการณ์ในการต่อสู้ เราไม่คิดว่าพวกเขาเป็นอาชญากร แต่อาชญากรรมที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความหลงผิดในเรื่องของหลักคำสอนทางศาสนา จึงอยากเรียนประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ที่กำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ว่า ทางรัฐบาลพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคนที่เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ถ้าศาลพิสูจน์ได้ว่า กระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการอบรมแทนการฟ้อง ตามมาตรา 21 ต่อไป