ปัตตานี - เลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม นำคณะ 7 ศาสนา 13 ประเทศ เยือนใต้ร่วมเสวนาศาสนากับกระบวนการสร้างสันติภาพในอาเซียน
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ให้การต้อนรับผู้นำศาสนาหลัก ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ คริสต์ ฮินดู ซิก และศาสนาอิสลาม พร้อมทั้งพาเที่ยวชมภายใน และบริเวณโดยรอบของมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นศาสนสถานที่สำคัญของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
พร้อมทั้งยังได้เล่าถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่ทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม และคนไทยเชื้อสายจีน อยู่ร่วมกันมาตั่งแต่อดีต ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างทั้งทางด้านศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกันมาอย่างช้านาน ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับจากผู้นำศาสนาในพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีอย่างดีเยี่ยม จากนั้นได้เดินทางเยี่ยมครูนักเรียนที่โรงเรียนวัดนรตานีสโมสร ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนทั้ง ไทยพุทธ-ไทยมุสลิม ศึกษาอยู่ร่วมกันแม้ว่าโรงเรียนจะอยู่ในวัด ตลอดจนผู้ปกครองต่างก็ให้เกียรติ และเคารพในศาสนาของกันและกันมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ครูนักเรียนที่เป็นไทยพุทธ และไทยมุสลิมในโรงเรียนแห่งนี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ดร.อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลมุห์สิน อัต-ตุรกีย์ เลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม กล่าวว่า ราชอาณาจักรไทยถือเป็นแหล่งบรรจบระหว่างวัฒนธรรมต่างๆ เช่น จีน อินเดีย และอิสลาม วันนี้มีแนวโน้มที่ดียิ่งในการเปิดกว้าง และการเอาใจใส่เพิ่มมากขึ้นต่อสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ และศาสนาต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคง และความสันติสุขในสังคม และเพิ่มสถานะความน่าเชื่อถือในสายตาของประชาคมอาเซียน รวมถึงยกระดับบทบาทของไทยในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมต่างๆ
ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันบนจุดรวมแห่งมนุษยธรรม การเผยภาพลักษณ์ที่ถูกต้องของอิสลาม และแยกให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างอิสลามกับรูปแบบความสุดโต่ง ที่ถูกนำมาพาดพิงกับอิสลามโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมกับการรณรงค์ว่าการก่อการร้ายจากคนบางคนในกลุ่มของชาวมุสลิม เป็นวิธีการที่ไม่ได้รับการยอมรับโดยบทบัญญัติอิสลาม และเป็นสิ่งที่อิสลามปฎิเสธ เป็นปรปักษ์กับวิธีการนั้นด้วยเลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม ยังกล่าวชมเชยและยกย่องรัฐบาลไทย ที่แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างต่อโลกอิสลาม และความพยายามทุ่มเทเพื่อร่วมมือกับสันนิบาตโลกมุสลิม โดยหวังว่าจะได้เห็นบทบาท และความพยายามที่เพิ่มมากขึ้น ในการยกระดับการสานเสวนาระหว่างประชาชาติต่างๆ ทุกอารยธรรมทั่วโลก บนเส้นทางการสร้างความดีงาม และความมั่นคงแก่มนุษยชาติทั้งมวล
