xs
xsm
sm
md
lg

โจรเผยปล้นเงินแบงก์ใช้หนี้พนัน เลือกลงมือกสิกรไร้ รปภ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำผู้ต้องหาชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังชิงเงินสดไปได้ 2.7 ล้านบาท เผยเคยก่อเหตุชิงเงินธนาคารกสิกรไทยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อต้นปี 2555 ที่ผ่านมา ครั้งนั้นได้เงินไปกว่า 6 แสนบาท ระบุเลือกลงมือธนาคารกสิกรไทยเพราะไม่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (3 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดภูเก็ต นำโดย พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ต.กิตติสันต์ เดชสุวรรณ รองผู้บัญชาการภาค 8 พล.ต.ต.วิศนุ ม่วงแพรสี พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสืบสวน หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ควบคุมตัวนายอนุศิษฎ์ แก้วมุกดา ผู้ต้องหาคดีจี้ชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา และได้เงินสดไปจำนวน 2.7 ล้านบาท ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปกบดานที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งหลังสนามกีฬาสุระกุล อ.เมือง จ.ภูเก็ต

โดยจุดแรก ทางเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในขณะที่ผู้ต้องหานำรถมาจอด และเดินเข้าไปภายในธนาคาร หลังจากนั้น เดินตรงไปใช้อาวุธปืนจี้พนักงานให้บริการที่เคาเตอร์ที่ 1 บังคับให้เอาเงินใส่ถุงที่เตรียมมา หลังจากนั้น เดินออกจากธนาคารไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บนถนนเทพกระษัตรีก่อนขับมุ่งหน้าออกนอกเมือง และไปเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยเกาะแก้ว 1 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อกลับบ้านพักเลขที่ 63/67 ซ.เกาะแก้ว 3 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง และนำเงินจำนวน 2.5 ล้านไปซุกซ่อนไว้บริเวณกองเสื้อผ้าด้านหลังของห้องเช่า หลังจากนั้น ได้นำเงินสดประมาณ 2 แสนบาทติดตัวไป และนำไปซื้อทองคำที่ร้านทองใกล้กับตลาดเกษตร น้ำหนัก 3 บาท และใช้จ่ายอย่างอื่น ก่อนที่จะหลบหนีไปกบดานที่อพาร์ตเมนต์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้

อย่างไรก็ตาม นอกจากจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีจี้ชิงทรัพย์ของธนาคารกสิกรไทย สาขาเทพกระษัตรีแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีจี้ชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาเทสโก้ โลตัส ต.วิชิต ด้วย ซึ่งคนร้ายยอมรับว่าเป็นคนเข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนชี้ชิงทรัพย์ที่ธนาคารดังกล่าวเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2555 ด้วยโดยครั้งนั้นได้เงินไปกว่า 6 แสนบาท ซึ่งนำไปใช้หนี้ และซื้อรถบิ๊กไบค์ จำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 2.5 แสนบาท ส่วนที่เหลือนำใช้ใช้ฟุ่มเฟือย

ขณะที่นายอนุศิษฎ์ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุชิงเงินธนาคารกสิกรไทย ทั้ง 2 แห่งเพียงคนเดียว และสาเหตุที่เลือกลงมือปล้นธนาคารกสิกรไทย เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแล และที่ลงมือปล้นในครั้งนี้เพราะต้องการเงินเพียง 2 หมื่นบาท เพื่อนำไปใช้หนี้การพนันฟุตบอล และหวยใต้ดิน และอยากจะฝากถึงธนาคารทุกแห่งว่าควรจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกสาขา ก่อนที่จะลงมือจี้ชิงเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรีนั้น เคยมาดูลาดเลาแล้ว 1 ครั้ง ทำทีมาเบิกเงินที่ธนาคารดังกล่าว และจากการสังเกตพบว่า พนักงานให้บริการตามเคาน์เตอร์เวลาเงินไม่พอเบิกให้ลูกค้าก็จะมาขอเบิกเงินจากเคาน์เตอร์ที่ 1 ซึ่งเก็บเงินไว้จำนวนมาก ถึงเวลาก่อเหตุจึงได้มุ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์ที่ 1 ทันที

ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นอาวุธปืนที่เก็บได้มาจากช่วงที่ไปช่วยเพื่อนขนย้ายทรัพย์สินในช่วงน้ำท่วมเมื่อปี 2550 อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงธนาคาร และพนักงานต่างๆ ว่าเวลามีคนร้ายเข้าไปจี้ชิงทรัพย์ให้วิ่งหลบไปเพราะถ้าวิ่งหลบไปคนร้ายก็จะไม่ได้เงิน ซึ่งตนเชื่อว่าคนที่เข้าไปก่อเหตุคงจะไม่ต้องการที่จะฆ่าคน

ขณะที่ พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวว่า คดีนี้ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภูเก็ตที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ และต้องของคุณประชาชนที่แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัยจนสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในที่สุด โดยในส่วนของผู้ต้องหานั้น มีความผิดฐานชิงทรัพย์โดยมี และใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ขณะที่ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการติดตามจับกุมคนร้ายในครั้งนี้นอกจากจะอาศัยไหวพริบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวนแล้ว ยังได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการแจ้งเบาะแสเข้ามาเป็นอย่างดี จนนำมาซึ่งการติดตามจับกุมคนร้าย โดยในครั้งนี้ ทางตำรวจได้ตั้งรางวัลนำจับไว้จำนวน 1 แสนบาท และทางธนาคารสนับสนุนเงินรางวัลเพิ่มอีก 1 แสนบาท ซึ่งเงินรางวัลทั้ง 2 แสนบาทนั้นจะมอบให้แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งทางตำรวจมีรายชื่อ และเบอร์โทรทั้งหมด

เพราะฉะนั้น จึงขอฝากเตือนไปยังคนร้ายที่จะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจงสำนึกไว้ว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะประชาชนไม่ชอบ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสให้แก่ทางตำรวจ เพราะนอกจากประชาชนทั่วไปแล้ว ยังมีเครือข่ายตาสับปะรดที่คอยดูแล และร่วมทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์ของประชาชน และนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว



กำลังโหลดความคิดเห็น