ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หัวหน้าพรรคยางพาราไทยเผยพบความผิดปกติการสวมสิทธิยางพาราในเขตจังหวัดพัทลุง และนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับซื้อมาจังหวัดสงขลา เสียหาย 70 ล้าน วอนเร่งดำเนินการตรวจสอบจับทุจริต เห็นใจชาวบ้านตกเป็นเหยื่อทางการเมือง
นายเพิก เลิศวงศ์พง หัวหน้าพรรคยางพาราไทย (ยพท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พบความผิดปกติจากโครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง 15,000 ล้านบาท มีการสวมสิทธิยางพาราที่ จ.พัทลุง 2 ราย จ.นครศรีธรรมราช 1 ราย โดยยางพาราที่มีการสวมสิทธิได้ซื้อมาจากพื้นที่สงขลา จึงขอวอนผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช เร่งรีบดำเนินการสอบสวนปัญหาที่เกิดขึ้นสวนเพราะปัญหายางพาราตอนนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ
“ในการสวมสิทธิที่ปรากฏมีมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนยางพาราที่ขึ้นราพบในภาคตะวันออก มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย นอกจากจะเป็นยางพาราเก่า หรือยางพาราที่ไม่ได้คุณภาพ แต่ต้องตั้งข้อสังเกตว่ามีการนำยางพารามาปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะเอายางพาราใหม่ที่มีคุณภาพมากกว่าไปหรือไม่ หรือมีการรับเอายางพาราเก่า หรือยางพาราที่ไม่มีคุณภาพเข้ามา”
นายเพิก กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะต้องออกมาทำการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องที่มีการทุจริตสวมสิทธิยางพาราให้อยู่ ขั้นเบื้องต้นของความเสียหายที่พบเท่านั้น โดยที่ขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องปัญหายางพาราเป็นจำนวนมากขึ้น รัฐบาลจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับยางพารา และสต๊อกยางพารา ปัญหายางพาราที่เกิดขึ้นมีมากไม่ต่างกับโครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน ฝ่ายการเมืองจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่รู้ไม่เห็นเพราะถ้านักการเมืองไม่เข้าข้างฝ่ายนายทุนใหญ่ปัญหาเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น หรือเพราะเห็นชาวสวนยางเป็นเหยื่อทางการเมือง
นายเพิก เลิศวงศ์พง หัวหน้าพรรคยางพาราไทย (ยพท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พบความผิดปกติจากโครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง 15,000 ล้านบาท มีการสวมสิทธิยางพาราที่ จ.พัทลุง 2 ราย จ.นครศรีธรรมราช 1 ราย โดยยางพาราที่มีการสวมสิทธิได้ซื้อมาจากพื้นที่สงขลา จึงขอวอนผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช เร่งรีบดำเนินการสอบสวนปัญหาที่เกิดขึ้นสวนเพราะปัญหายางพาราตอนนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ
“ในการสวมสิทธิที่ปรากฏมีมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนยางพาราที่ขึ้นราพบในภาคตะวันออก มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย นอกจากจะเป็นยางพาราเก่า หรือยางพาราที่ไม่ได้คุณภาพ แต่ต้องตั้งข้อสังเกตว่ามีการนำยางพารามาปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะเอายางพาราใหม่ที่มีคุณภาพมากกว่าไปหรือไม่ หรือมีการรับเอายางพาราเก่า หรือยางพาราที่ไม่มีคุณภาพเข้ามา”
นายเพิก กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะต้องออกมาทำการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องที่มีการทุจริตสวมสิทธิยางพาราให้อยู่ ขั้นเบื้องต้นของความเสียหายที่พบเท่านั้น โดยที่ขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องปัญหายางพาราเป็นจำนวนมากขึ้น รัฐบาลจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับยางพารา และสต๊อกยางพารา ปัญหายางพาราที่เกิดขึ้นมีมากไม่ต่างกับโครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน ฝ่ายการเมืองจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่รู้ไม่เห็นเพราะถ้านักการเมืองไม่เข้าข้างฝ่ายนายทุนใหญ่ปัญหาเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น หรือเพราะเห็นชาวสวนยางเป็นเหยื่อทางการเมือง
