ยะลา - ยะลาคุมเข้มพื้นที่ หลังมีการแจ้งเตือนจับตาเฝ้าระวังรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน หวั่นนำไปใช้เป็นคาร์บอมบ์ก่อเหตุในพื้นที่ ขณะที่การข่าวแจ้งว่า คนร้ายพยายามหารถที่ขาดส่งไฟแนนซ์ตามตลาดมืดเพื่อมาใช้ในการก่อเหตุด้วย
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา อ.เมืองยะลา พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้เรียกประชุมหัวหน้าสถานี และผู้กำกับการสถานีตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อประชุมหารือมาตรการป้องกันเหตุร้าย
โดย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา เผยว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลาได้กำชับสั่งการ โดยเฉพาะงานข่าวพบว่า กลุ่มคนร้ายมีความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อเป็นการดำเนินการเชิงสัญลักษณ์ โดยในวันที่ 25 ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารก็จะเพิ่มความเข้มในการควบคุมดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ตามจุดตรวจจุดสกัดต่างๆ
รวมทั้งการแจ้งเตือนจับตารถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บจ 9411 ยะลา อีก 1 คันที่คาดว่าคนร้ายจะนำไปทำเป็นคาร์บอมบ์ ทั้งนี้ เป็นรถที่ถูกปล้นจากพื้นที่ อ.บันนังสตา รวมทั้งยังมีรถยนต์กระบะอีก 1 คัน ที่แจ้งหายไปตั้งแต่ปี 2550 คือ รถอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ สี่ประตู รวมทั้งทางการข่าวที่พบว่า กลุ่มคนร้ายพยายามหารถที่ขาดส่งไฟแนนซ์ โดยจะไปหาซื้อตามตลาดมืดในราคาถูก เพื่อมาใช้ในการก่อเหตุด้วย
พ.ต.อ.สุคนธ์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบระเบิดที่คนร้ายบรรจุในกระติกน้ำแข็งได้ในพื้นที่บ้านบาโด ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่า กลุ่มคนร้ายพยายามที่จะนำวัตถุระเบิดดังกล่าวเข้ามาภายในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา แต่เนื่องจากไม่สามารถนำผ่านจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ได้ จึงได้นำไปวางทิ้งดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางการข่าวก็ได้รับแจ้งว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงผลิตระเบิดกระติกน้ำจำนวนหลายลูก แล้วแจกจ่ายไปตามพื้นที่ 3 จังหวัด แต่ในส่วนของยะลาไม่สามารถนำผ่านจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ได้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าย่านถนนรวมมิตร ซึ่งเป็นย่านธุรกิจหลักของยะลา ได้เพิ่มมาตรการในการตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมทั้งบุคคลที่จะนำรถผ่านเข้าไปในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการค้า และสร้างความปลอดภัยให้แก่พื้นที่ในขั้นสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มกำลังภาคประชาชน ในการช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัย และสิ่งผิดปกติ เพื่อร่วมกันป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดขึ้น
