ยะลา - ผู้ประกอบการย่านถนนรวมมิตรซึ่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่มั่นใจมาตรการ รปภ.ของรัฐ เผยรายได้ลดลงหลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เชื่อกว่าจะฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลา
วันนี้ (21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์บนถนนรวมมิตร เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บอีกกว่าร้อยราย อาคารบ้านเรือน ร้านค้า รถจักรยานยนต์ รถยนต์ สิ่งสาธารณูปโภค ได้รับความเสียหายจำนวนมาก
จากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมากว่า 20 วัน ในวันนี้ บรรยากาศบนถนนรวมมิตร มีการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ในการจัดกำลังเสริมเข้ามาดูแลตั้งด่านตรวจ ตามมาตรการเขตเซฟตี้โซน ทั้งนี้ การจราจรถูกปรับเปลี่ยนเส้นทางการสัญจรใหม่ ขณะที่จากการสังเกตสองข้างของถนนรวมมิตร พบว่าร้านค้าบางร้านได้เสริมท่อระบายน้ำ ตั้งวางเป็นแนวเพื่อป้องกันเหตุระเบิด
นอกจากนี้ บ้านเรือนร้านค้าบางหลังที่ได้รับความเสียหายรุนแรง จำนวน 4-5 ร้าน ก็ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมปรับปรุง ยังคงปล่อยให้เห็นเศษซากความเสียหายจากแรงระเบิดคาร์บอมบ์ ขณะที่บางร้านค้าก็มีการซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่เสียหายหลังได้รับการเยียวยาช่วยเหลือจากภาครัฐ และสามารถเริ่มทำมาค้าขายอีกครั้ง
นายศุภการ อิงคมณี พ่อค้าขายกล้วยทอด ซึ่งประสบเหตุระเบิดคาร์บอมบ์จุดที่ 2 จนทำให้ร้านค้าได้รับความเสียหาย ในวันนี้ก็เริ่มทำการค้าขายตามปกติแล้ว โดยนายศุภกร เปิดเผยว่า ได้เริ่มขายกล้วยทอด 4 วันแล้ว หลังจากทีเพื่อนๆ ช่วยกันซ่อมแซมร้านค้าจนใกล้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจากการเปิดร้านขายกล้วยทอดมา 4 วัน พบว่ารายได้หดหาย จากที่เมื่อก่อนเคยขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ตอนนี้เหลือไม่ถึงวันละ 1,000 บาท บางวันก็ขายได้แค่ 500-600 บาท แต่อย่างไรก็ต้องขายเพราะเป็นอาชีพที่ทำมานานแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุร้าย ตนก็มั่นใจในระดับหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าหน้าที่ไม่ละเลย หรือปล่อยช่องว่าง ก็คงไม่เกิดเหตุ แต่หากกำลังเจ้าหน้าที่เกิดความหละหลวมเมื่อไหร่ ก็อาจจะเป็นช่องทางให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก
ทางด้านนายบุญฤทธิ์ เฉลิมวิบูรย์วงศ์ เจ้าของร้านโจ๊ก ซึ่งได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เปิดเผยว่า ได้เปิดร้านขายของมา 3-4 วันแล้ว รายได้ไม่ต้องพูดถึง ซบเซา เงียบเหงาเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้กำลังใจที่มีอยู่ก็สู้อย่างเดียว ไม่รู้จะไปไหน ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ก็คงในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หากทุกฝ่ายไม่บกพร่อง เหตุร้ายก็คงไม่เกิด อย่างไรก็ตาม ตนยังคงสู้ต่อไปแม้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าเศรษฐกิจในพื้นที่จะฟื้นตัว
ทั้งนี้ บรรยากาศบนถนนรวมมิตรโดยทั่วไปยังคงซบเซาและเงียบเหงา ไม่คึกคัก เหมือนก่อนเกิดเหตุการณ์ นอกจากนี้ ร้านค้าในบริเวณดังกล่าวก็ยังคงไม่มั่นใจในมาตรการดูแลความปลอดภัย แต่ก็พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการเฝ้าระวังป้องกันเหตุร้าย
ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดีนั้น ขณะนี้ พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด หรือข้อมูลของกลุ่มคนร้ายได้ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะส่งผลให้กลุ่มคนร้ายรู้ตัว และหลบไปได้