นราธิวาส - อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ยืนยันทางการมาเลเซียไม่มีนโยบายห้ามชาวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.ตากใบ เพียงแจ้งเตือนโดยการนำเสนอของสื่อภายในประเทศตามปกติเท่านั้น
วันนี้ (22 ต.ค.) นายสมพงษ์ กางทอง อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 ต.ค.55 ที่ผ่านมา จนมีกระแสข่าวว่าทางการมาเลเซียสั่งห้ามประชาชนชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างเด็ดขาดนั้น
ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว เป็นเพียงการแจ้งเตือนโดยการนำเสนอของสื่อมวลชนในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนปกติเมื่อพบว่ามีการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น และจนถึงขณะนี้ สื่อมวลชนในประเทศมาเลเซียก็ได้มีการนำเสนอข่าวกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในพื้นที่อำเภอชายแดน เช่น เทศกาลกินเจที่จัดขึ้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา และที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีการเชิญชวนให้เข้ามาท่องเที่ยว และร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นายสมพงษ์ยังได้กล่าวถึงการออกประกาศนโยบายกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียว่า ในขณะนี้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มงวดเพื่อรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ จึงขอเตือนประชาชนในประเทศไทยอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงให้เข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย โดยอ้างว่า สามารถดำเนินการขอวีซ่าทำงานให้ได้ทั้งที่ในความเป็นจริงปัจจุบัน ประเทศมาเลเซียจะไม่ทำการออกวีซ่า 3 เดือนให้ในทุกกรณี หากไม่มีหลักฐานที่ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลให้มีแรงงานไทยเข้าไปทำงานด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้วหลายราย เนื่องจากหลักฐานที่ถือครองอยู่เป็นเอกสารทางราชการที่ปลอมแปลงขึ้น
และโทษสำหรับการถือวีซ่าปลอมเป็นความผิดร้ายแรงมีโทษปรับ 10,000 ริงกิต (100,000 บาท) และจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้น หากมีความประสงค์จะเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียขอให้ดำเนินการอย่างถูกกฎหมายก่อนเดินทางเข้าไป ทั้งนี้ สามารถขอข้อมูลการทำงานในต่างประเทศผ่านทางสำนักงานแรงงานไทยไปต่างประเทศ หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดได้โดยตรง และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย สามารถสอบถามได้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือแรงงานไทยที่จะไปทำงานในประเทศมาเลเซียอยู่แล้ว
วันนี้ (22 ต.ค.) นายสมพงษ์ กางทอง อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 ต.ค.55 ที่ผ่านมา จนมีกระแสข่าวว่าทางการมาเลเซียสั่งห้ามประชาชนชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างเด็ดขาดนั้น
ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว เป็นเพียงการแจ้งเตือนโดยการนำเสนอของสื่อมวลชนในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนปกติเมื่อพบว่ามีการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น และจนถึงขณะนี้ สื่อมวลชนในประเทศมาเลเซียก็ได้มีการนำเสนอข่าวกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในพื้นที่อำเภอชายแดน เช่น เทศกาลกินเจที่จัดขึ้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา และที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีการเชิญชวนให้เข้ามาท่องเที่ยว และร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นายสมพงษ์ยังได้กล่าวถึงการออกประกาศนโยบายกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียว่า ในขณะนี้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มงวดเพื่อรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ จึงขอเตือนประชาชนในประเทศไทยอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงให้เข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย โดยอ้างว่า สามารถดำเนินการขอวีซ่าทำงานให้ได้ทั้งที่ในความเป็นจริงปัจจุบัน ประเทศมาเลเซียจะไม่ทำการออกวีซ่า 3 เดือนให้ในทุกกรณี หากไม่มีหลักฐานที่ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลให้มีแรงงานไทยเข้าไปทำงานด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้วหลายราย เนื่องจากหลักฐานที่ถือครองอยู่เป็นเอกสารทางราชการที่ปลอมแปลงขึ้น
และโทษสำหรับการถือวีซ่าปลอมเป็นความผิดร้ายแรงมีโทษปรับ 10,000 ริงกิต (100,000 บาท) และจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้น หากมีความประสงค์จะเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียขอให้ดำเนินการอย่างถูกกฎหมายก่อนเดินทางเข้าไป ทั้งนี้ สามารถขอข้อมูลการทำงานในต่างประเทศผ่านทางสำนักงานแรงงานไทยไปต่างประเทศ หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดได้โดยตรง และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย สามารถสอบถามได้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือแรงงานไทยที่จะไปทำงานในประเทศมาเลเซียอยู่แล้ว