กว่า 28 ปีที่แบรนด์ “ชูเกียรติยนต์” ได้การันตีความสามารถทางธุรกิจในการเป็นดีลเลอร์รถยนต์มาสด้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยมี จ.ปัตตานี เป็นฐานการทำธุรกิจที่ก่อตั้งโดยนายชูเกียรติ ปิติเจริญกิจ ก่อนจะสืบทอด และขยายสาขาในรุ่นลูกไปยัง จ.นราธิวาส สงขลา ควบคู่กับธุรกิจในเครือยึดเมืองหลักๆ ในภาคใต้
ปัจจุบันนี้ “โรส-สิรินธร ปิติเจริญกิจ” หนึ่งในหลานสาวคนโปรดที่ “คุณปู่ชูเกียรติ” เลี้ยงมากับมือได้เข้ามาสานต่อธุรกิจดีเลอร์รถยนต์มาสด้าใน จ.สงขลา อย่างเต็มตัว ในฐานะรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูเกียรติยนต์หาดใหญ่ จำกัด และบริษัทชูเกียรติมอเตอร์ (1996) จำกัด พร้อมกับรักษาปณิธานในการช่วยเหลือสังคมภายใต้มูลนิธิ “ชูเกียรติ ปิติเจริญ” และเป็นโอกาสที่ “ศูนย์ข่าวผู้จัดการหาดใหญ่” ได้โอกาสจับเข่าคุยอย่างใกล้ชิด
เบื้องหลังลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเป็นอย่างไร
ต้องขอเล่าถึงคุณปู่ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง “ชูเกียรติยนต์” ให้เป็นที่รู้จักก่อนว่า จริงๆ แล้วทำงานมาหลายอย่างมาก ก่อนที่จะมาจับธุรกิจรถยนต์ เพราะท่านเป็นคนไม่เลือกงาน และเป็นคนขยันทั้งก่อสร้าง ทำประมง แพปลา โรงงานปลาป่น
กระทั่งได้เป็นผู้บุกเบิกดีลเลอร์มาสด้าที่ จ.ปัตตานี ในนามของ “ชูเกียรติยนต์” และมีลูกๆ ทั้ง 3 คน มาช่วยงานธุรกิจด้านรถยนต์ โดยคุณพ่อสิทธิโชคเป็นพี่ชายคนโตก็ย้ายครอบครัวมาทำธุรกิจที่ จ.สงขลา เมื่อปี 2540 เพื่อเปิดตลาดพื้นที่ใหม่ๆ บ้างควบคู่กับไฟแนนซ์ และเต็นท์รถที่ขยายไป จ.นครศรีธรรมราชด้วย ส่วนน้องชายอยู่ปัตตานี และเพิ่งเปิดสาขาที่ จ.นราธิวาส ได้ไม่กี่เดือนนี่เอง และน้องสาวคุณพ่อดูแลปัตตานี และทำรถมือสองที่สุราษฎร์ธานี
ตัวโรสเองเป็น 1 ใน 7 ของหลานโดยตรง และคุณปู่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ ที่ จ.ปัตตานี สิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็กคือ เรื่องของธุรกิจ เกิดมาก็เห็นรถยนต์อยู่กับครอบครัวเราแล้ว ก็มีผลต่อการเลือกเส้นทางเดินมาจนถึงปัจจุบัน ว่าอย่างไรเสียเราก็ต้องเรียนหนังสือเพื่อเข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัว ก่อนจะขยายธุรกิจดังที่เห็นในปัจจุบัน
การเปิดตลาดใหม่ใน อ.หาดใหญ่ ทำให้ต้องย้ายครอบครัวตามมาด้วย
ใช่ค่ะ โรสเลยต้องเรียนหลายที่เหมือนกัน คือ ประมาณปี 2540 พ่อมาบุกเบิกทำธุรกิจใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เริ่มแรกก็อยากจะเป็นดีลเลอร์ แต่ทุกแบรนด์ก็มีตัวแทนอยู่แล้ว โอกาสจึงยังไม่มา และมาทำธุรกิจไฟแนนซ์ในนามของ บริษัท ชูเกียรติ 1996 จำกัด ติดกับวัดโคกนาว จำนวน 3 คูหา ตรงกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งในขณะนั้น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็ได้รับผลกระทบทางด้านธุรกิจไปไม่น้อย บริษัทหลักทรัพย์จำนวนมากถูกปิดตัวลง โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งร้าง โปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ถูกพับเก็บไว้ แต่ครอบครัวได้ใช้เงินทุนของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินในการทำธุรกิจ จึงเกิดขึ้นสวนกระแสความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอยู่พอสมควร
กระทั่งเมื่อดีลเลอร์ของมาสด้าเดิมประสบปัญหา จึงมีการพูดคุยกับบริษัทมาสด้า เซลล์ ประเทศไทย (จำกัด) เพื่อขอเป็นดีลเลอร์ได้เมื่อปี 2544 โดยเช่าสถานที่หน้าวัดคอหงส์ ซึ่งการเปิดตลาดที่สงขลาก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าชื่อของชูเกียรติ ณ ที่นั้นจะยังไม่มีคนรู้จักมากนัก คุณปู่ก็ลงมาช่วยแนะนำให้คนที่ทำธุรกิจร่วมกับคุณปู่รู้จักกับพ่อเพื่อสร้างเครือข่ายลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จนเกิดความไว้วางใจ โดยมีคุณแม่ยุวพร ซึ่งเป็นผู้บริหารหลักด้านการขายมาสด้าดูแลควบคู่ไปกับงานด้านการเงินของบริษัทไฟแนนซ์ที่คุณพ่อบริหารอยู่ กระทั่งหาซื้อที่ใกล้บิ๊กซีได้ก็เลยย้ายมาตั้งสำนักงาน และโชว์รูม
ขณะนี้ดูแลงานส่วนไหนของบริษัทเป็นหลัก
ตอนนี้จะช่วยในส่วนชูเกียรติยนต์ที่เป็นงานด้านการตลาดของมาสด้าเป็นหลักค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำตั้งแต่แรกๆ นะคะ คือหลังจากเรียนจบ ป.โท ด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยพอตส์เมาท์ในอังกฤษ ก็เข้ามาช่วยธุรกิจของที่บ้านเลย โดยตอนแรกโรสเข้ามาดูแลเต็นท์ทั้งรถมือสอง ธุรกิจไฟแนนซ์ของคุณพ่อ ซึ่งก่อนนี้ก็เรียนมาด้านการบริหารการเงิน ก็ค่อนข้างจะตรงที่เรียนมา แต่พอทำงานจริงๆ ในช่วงแรกนั้นมารู้สึกว่าไม่ถนัด และไม่ใช่แนวของตัวเองเลย
แต่ก็โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นาน น้องชายคือ คุณสิทธิพรเรียนจบมา เลยให้เข้ามาแทนดูแลแทนโรส ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บจก.ชูเกียรติมอเตอร์ (1996 ) ซึ่งเขาก็ทำได้ดีนะ ตอนนี้ได้ขยายพื้นที่อนุมัติสินเชื่อเพิ่มไปยังสตูล และพัทลุงเปิดไปเกือบปี ส่วนโรสเองก็หันมาดูแลเรื่องรถยนต์มาสด้าซึ่งเป็นรถยนต์ใหม่แทน
ฟังเหมือนธุรกิจรถยนต์ใหม่มีอะไรที่คล้ายๆ หรือเข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองหรือเปล่า
อย่างที่บอกค่ะว่าทำแล้วรู้สึกว่าชอบรถยนต์ใหม่มากกว่า ชอบที่จะต้องอัปเดตความทันสมัย และการประสานงาน ซึ่งการดูแลงานดีลเลอร์นอกจากต้องบริหารงานภายในเองแล้ว จะต้องรับนโยบายของบริษัทแม่เข้ามาด้วย จะมีผลิตภัณฑ์รถยนต์อะไรใหม่ๆ เข้ามาในอนาคต และทิศทางการตลาดจะเป็นอย่างไร ส่วนที่เหลือก็ต้องบริหารงานเอง และนำมาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อนำเสนอให้ลูกค้าได้ถูกใจที่สุด
นอกนั้นก็เป็นงานในแนวการบริหาร และวางแผนที่จะต้องเตรียมคน วางแผนการตลาดแต่ละช่วงอย่างไร ต้องใช้ความคิด และมีเงื่อนไขบางอย่างที่จะต้องทำการตลาดให้นอกกรอบบ้างเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค ตอนนี้รับผิดชอบด้านการตลาด และงานขายเป็นหลัก โดยมีผู้จัดการที่ยังดูแลงานด้านนี้มานาน และเป็นที่รู้จักกันในวงการรถยนต์ของที่นี่ดีอยู่แล้ว
อยากให้เล่าถึงการทำงานที่ประทับใจ และการบริหารเวลาว่าเป็นอย่างไร
เอางานชิ้นแรกที่ถือเป็นการชิมลางในการทำตลาดดีกว่าเนอะ ก็ถือเป็นชิ้นใหญ่เลยก็ว่าได้ที่ได้คิดเอง ทำเองร่วมกับทีมงาน ตอนนั้นก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้คนรู้จักแบรนด์มาสด้าหาดใหญ่ให้มาก ประกอบกับเราก็มีผู้บริหารใหม่ๆ เข้ามาดูแลตรงนี้อยู่ด้วย และรถมาสด้า 2 กำลังทำตลาดตรงที่สะท้อนความเป็นตัวของตัวเอง เราจึงนำโจทย์ตรงนี้มาคิด และปรึกษากับทีมงานหลายๆ คน จนได้กลยุทธ์ติดภาพหนุ่มปริศนาทั่วเมือง เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ทำให้คนพูดถึงรถมาสด้า 2 และคนในภาพว่าเป็นใคร แล้วเราก็มาเฉลยทีหลัง ผลตอบรับก็มีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีคนถึงทั้งคน และทั้งรถ รวมถึงบริษัทเรามากขึ้น ซึ่งงานตรงนั้นแม้จะเครียดที่ต้องคิด และเตรียมงานเองอะไรเอง แต่เมื่อออกสู่ภายนอกแล้วก็สนุกและท้าทายดี
ส่วนตอนนี้นอกจากจะดูภาพรวมของการตลาดแล้ว นอกจากติดต่อกับบริษัทแม่เพื่อรับนโยบายมาแล้ว ก็ต้องลงมาดูสาขาเองด้วย โดยเฉพาะที่เปิดใหม่ที่ถนน 30 เมตร เรียกว่าทุกอาทิตย์ต้องเข้าไปประจำอยู่ที่โน่น รวมถึงการติดตามความคืบหน้าของสาขาบ้านบางดาน อ.เมืองสงขลา ซึ่งกำลังเตรียมก่อสร้างอีกแห่งหนึ่งด้วย
แม้ว่าจะเติบโตมากับความเป็นนักธุรกิจ แต่ทราบว่าก็ยังมีส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเหลือสังคมด้วย
ก็ถือว่าคุณปู่เป็นศูนย์กลางของครอบครัว ทั้งในเรื่องการทำธุรกิจ และศูนย์รวมจิตใจ ในการทำงานนั้นมีการแบ่งพื้นที่ดูแลเท่านั้น แต่ละครอบครัวก็จะบริหาร และทำการตลาดก็ให้เหมาะสม และมีการปรึกษาแลกเปลี่ยนกันอยู่ หลายๆ อย่างที่นำมาแชร์และปรับใช้ได้อยู่เหมือนกัน ตามที่คุณปู่สอนว่า ให้ทุกคนทำงานเต็มความสามารถ ถ้าลงทุนก็ต้องมีความกล้าได้กล้าเสียบ้าง อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ในแง่ของสังคมนั้น คุณปู่สอนลูกๆ หลานๆ มาโดยตลอดนั่นคือการแบ่งปัน เพราะถ้าทุกคนสามารถทำงานเลี้ยงตัวได้ในระดับที่มีอยู่มีกินแล้ว ก็ต้องแบ่งปัน และให้โอกาสผู้ที่ด้อยกว่า เพราะคุณปู่มีความชอบด้านการกุศลอยู่ในตัว และได้ปฎิบัติมา ทำให้เกิดมูลนิธิชูเกียรติ ปิติเจริญ เพื่อช่วยเหลือเด็กเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะมีเด็กด้อยโอกาสอีกมากที่อยากสนับสนุน และมอบอุปกรณ์ สิ่งของให้สถานศึกษา วัด หรือสถานที่ราชการอื่นๆ ที่มีการร้องขอมา และเห็นว่ามีความเหมาะสม
เพราะฉะนั้น ทุกๆ ปี ลูกๆ หลานๆ จะต้องนำผลกำไรที่ได้มาบริจาคมูลนิธิชูเกียรติ โดยไม่ได้นำเงินจากบุคคลภายนอกเหมือนมูลนิธิอื่นๆ มีการทำบุญร่วมกันที่ จ.ปัตตานี และเมื่อปี 54 นั้น คุณพ่อโรสได้เริ่มจัดงานเองที่มาสด้าหาดใหญ่เป็นปีแรก และโรสเป็นพิธีกรเองด้วย ถือว่านอกจากการตอบรับของคนในพื้นที่แล้ว นี่ก็เป็นอีกความภาคภูมิใจหนึ่งที่เราได้ให้คืนสังคมค่ะ