ไทย-พม่าหารือทวิภาคีต้านการค้ามนุษย์ด้านระนอง-เกาะสอง

ระนอง - จังหวัดระนองจัดประชุมทวิภาคีไทย-เมียนมาร์ ต้านการค้ามนุษย์แบบบูรณาการ ด้านจังหวัดระนอง-เกาะสอง

วันนี้ (17 ต.ค.) ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดระนอง ร่วมกับหน่วยต่อต้านการค้ามนุษย์ (ATTFs) จังหวัดเกาะสอง และผู้ประสานงานโครงการความร่วมมือสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำประเทศไทย (UNIAP) กำหนดจัดประชุมทวิภาคีไทย-เมียนมาร์ (ระนอง-เกาะสอง) เพื่อประสานความร่วมมือตามแนวชายแดนในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ในระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2555 ที่เฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชัน จังหวัดระนอง โดยมีนายวิโรจน์ แสงศิวะฤทธิ์ ปลัดจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นผู้แทนฝั่งไทย พ.ต.ท.โม้ซันจอ หัวหน้าตำรวจจังหวัดเกาะสอง พร้อมด้วย พ.ต.ต.เคเมาละ หัวหน้าคดีข้ามชาติ และ พ.ต.ต.วินมันตัน หัวหน้าตำรวจสันติบาล จังหวัดเกาะสอง เป็นผู้แทนฝังเมียนมาร์ เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้

ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่มีแนวโน้มความรุนแรงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองลงมาจากปัญหายาเสพติด และยังเชื่อมโยงกับขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมือง ตามบริเวณชายแดนที่มีพรมแดนติดต่อกัน การดำเนินงานป้องกันและปราบปรามจำเป็นต้องผักดันให้เกิดกลไกการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ระหว่างหน่วยงาน องค์กรตามแนวชายแดน ถึงจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด

จากการจัดประชุมเมื่อวันที่ 3-4 พฤษภาคม 2555 ที่กรุงเทพฯ ได้มีผู้แทนจากส่วนกลางของทั้งสองประเทศ และผู้แทนในระดับพื้นที่ที่มีชายแดนติดต่อกัน 3 คู่ ได้แก่ จังหวัดเชียงรายติดกับอำเภอท่าขี้เหล็ก จังหวัดตากติดกับอำเภอเมียวดี จังหวัดระนองติดกับอำเภอเกาะสอง ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นตรงกันที่จะให้ความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ทั้งในด้านการป้องกัน การคุ้มครอง และส่งผู้เสียหายกลับสู่ครอบครัว การปราบปรามและการดำเนินคดี การจัดตั้งกลไกการประสานความร่วมมือตามแนวชายแดน การจัดดูงานในพื้นที่ การจัดฝึกอบรม การประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเป็นประจำทุกเดือน โดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพ

นางพรทิพย์ สุขสราญ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง กล่าวว่า การประชุมทวิภาคีไทย-เมียนมาร์ ในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อให้สหวิชาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ทั้งฝ่ายไทย และเมียนมาร์ มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย และข้อระเบียบต่างๆ ทั้งกฎหมายเฉพาะ และกฎหมายระหว่างประเทศ ร่วมไปถึงให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และมีการบูรณาการกำหนดแผนงานร่วมกันในการกำหนดการดำเนินงานในครั้งต่อไป