อบจ.พัทลุง จี้เอกชนสร้างท่าเทียบเรือตามสัญญาสัมปทานรังนกเกาะสี่-เกาะห้า

พัทลุง - อบจ.พัทลุง จี้เอกชนปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานรังนกเกาะสี่-เกาะห้า โดยเฉพาะการก่อสร้างท่าเทียบเรือ สะพานเดินเท้าไปชมถ้ำรังนกอีแอ่น และศาลาที่พักนักท่องเที่ยว ด้านผู้สัมปทานแจงการปรับปรุงที่พักสำนักงานไว้บริการนักท่องเที่ยวเหมาะกว่าสร้างสะพานทิ้งร้างไว้ริมเกาะ

นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พัทลุง นำทีมผู้บริหารพร้อมคณะกรรมการจัดเก็บรังนกอีแอ่นพัทลุง และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นั่งเรือเดินทางไปติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณเกาะสี่เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลสาบ และเป็นแหล่งสร้างรังของฝูงนกอีแอ่นจำนวนมาก โดยทางจังหวัดพัทลุงได้เปิดให้เอกชนสัมปทานเก็บรังนกอีแอ่นในราคาที่สูงที่สุดของการสัมปทานเก็บรังนกอีแอ่นของประเทศไทย มูลค่าปีละประมาณ 100 ล้านบาทเศษ

นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง กล่าวว่า ในฐานะเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดเก็บรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุงโดยตำแหน่ง ได้นำคณะเดินทางไปติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาเกาะรังนกอีแอ่น เนื่องจากคณะกรรมการได้เปิดให้เอกชนประมูลสัมปทานจัดเก็บรังนกช่วงละ 7 ปี เป็นเงิน 1,000 ล้านบาทเศษ และในสัญญาสัมปทานก็มีสัญญาแนบท้ายอยู่หลายข้อที่ผู้สัมปทานจะต้องปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ สร้างสะพานเดินเท้า และสร้างศาลาพักผ่อนให้นักท่องเที่ยว แต่จากการสำรวจเห็นว่า โครงการตามสัญญาแนบท้ายยังไม่คืบหน้า จึงต้องหารือกับผู้บริษัทสัมปทานเก็บรังนกให้เร่งปฏิบัติตามสัญญาทุกข้อ

ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวต้องการจะนั่งเรือเดินทางไปพักผ่อน และศึกษาเกาะรังนกอีแอ่นนั้น ตามสัญญาก็ระบุไว้ชัดเจน ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และกราบไหว้อนุสาวรีย์ ร.5 ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณสำนักงานของบริษัทได้ตามเวลาที่กำหนด แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความสะดวก บริษัทก็ห่วงด้านความปลอดภัย ซึ่งจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับผู้สัมปทานเก็บรังนก และจะต้องเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตามจุดที่กำหนดไว้

ด้าน นายปรีดี มนตรี ผู้ระสานงานบริษัทสยามรังนกทะเลใต้ ผู้สัมปทานเก็บรังนกอีแอ่นของจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า เงื่อนไขแนบท้ายสัญญาที่มีอยู่หลายข้อนั้น ทางบริษัทก็ได้ปฏิบัติตามอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้จัดซื้อรถยนต์ 1 คัน และเรือตรวจอีก 2 ลำ มอบให้แก่กรรมการเรียบร้อยแล้ว แต่โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ สร้างสะพานเดินเท้าไปชมถ้ำรังนกอีแอ่น และศาลาที่พักนักท่องเที่ยว ต้องใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท บริษัทก็พร้อมที่จะสร้างตามเงื่อนไขของสัญญา แต่ที่ล่าช้ามาจนถึงวันนี้ติดอยู่ที่รูปแบบของโครงการที่ระบุให้ลงเสาเข็ม โดยที่ไม่ได้ดูว่าพื้นที่บริเวณรอบเกาะเป็นหินลาดตีนเขา ไม่สามารถตอกเสาเข็มได้ ทางบริษัทได้เสนอให้มีการปรับปรุงแบบใหม่ให้ปฏิบัติได้จริง และปัญหาแรงงานก็ยังหาไม่ได้ งานก่อสร้างในทะเลไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ผู้รับเหมาไม่ยอมรับงาน การขนส่งก็ลำบาก และถ้าจะให้โครงการพัฒนาเกาะรังนกเกิดประโยชน์กันจริงๆ ก็น่าจะใช้งบประมาณ 2 ล้านบาท ปรับปรุงที่พักสำนักงานไว้บริการน่าจะเหมาะกว่าสร้างสะพานทิ้งร้างไว้ริมเกาะ