ตรัง - สำนักงานปศุสัตว์ และสาธารณสุขจังหวัดตรัง หนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งจัดการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนรำคาญ หรือสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเลี้ยงนางแอ่นในบ้าน หวั่นสร้างผลกระทบให้เกิดเพิ่มขึ้น
นายธวัช อุดมคณารัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดตรัง กล่าวว่า กรณีของการประกอบธุรกิจเลี้ยงรังนกนางแอ่น หรือรังนกบ้านนั้น ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามารถเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหาได้ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข หากได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น กรณีของเลี้ยงสัตวชนิดอื่นๆ เช่น ไก่ หรือหมู ที่เคยพบเจอปัญหามาแล้ว โดยทางสำนักงานปศุสัตว์มีอำนาจแค่การเข้าไปตรวจสอบสุขภาพสัตว์ แต่ไม่สิทธิจะไปสั่งให้หยุดการประกอบการ นอกจากทำเรื่องเสนอไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อออกคำสั่งให้ทำการแก้ไข หรือถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต
ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากธุรกิจเลี้ยงรังนกนางแอ่นนั้น เนื่องจากเดิมทีคิดว่าคงมีเพียงไม่กี่หลัง จึงไม่ได้บังคับให้ผู้ประกอบการต้องมายื่นขึ้นทะเบียนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เหมือนสัตว์ชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม ต่อมาธุรกิจนี้กลับขยายตัวอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นสร้างบ้าน หรืออาคารให้นกอาศัยอยู่โดยเฉพาะ แต่บางจุดตั้งอยู่กลางชุมชนจนก่อให้เกิดผลกระทบในหลายด้าน จึงทำให้การควบคุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีอำนาจอยู่ในมือก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องเร่งเข้าไปจัดการก่อนปัญหาจะรุนแรงไปมากกว่านี้ โดยทางสำนักงานปศุสัตว์พรัอมเข้าไปช่วยสนับสนุน
นายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง กล่าวว่า คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเข้ามาควบคุมการเลี้ยงรังนกบ้านกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในบริเวณชุมชนซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาตามมาในอนาคต เนื่องจากเริ่มมีการร้องเรียนเรื่องเสียงดังรบกวนมากขึ้น และยังหวั่นว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ หรือทำให้เกิดการระบาดของโรคบางชนิดได้ง่าย ดังนั้น จึงควรออกกฎ หรือออกมาตรการมาจัดระบบ เพื่อให้ธุรกิจการเลี้ยงรังนกบ้านเป็นไปด้วยความเหมาะสม และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนโดยทั่วไป
นายธวัช อุดมคณารัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดตรัง กล่าวว่า กรณีของการประกอบธุรกิจเลี้ยงรังนกนางแอ่น หรือรังนกบ้านนั้น ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามารถเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหาได้ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข หากได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น กรณีของเลี้ยงสัตวชนิดอื่นๆ เช่น ไก่ หรือหมู ที่เคยพบเจอปัญหามาแล้ว โดยทางสำนักงานปศุสัตว์มีอำนาจแค่การเข้าไปตรวจสอบสุขภาพสัตว์ แต่ไม่สิทธิจะไปสั่งให้หยุดการประกอบการ นอกจากทำเรื่องเสนอไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อออกคำสั่งให้ทำการแก้ไข หรือถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต
ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากธุรกิจเลี้ยงรังนกนางแอ่นนั้น เนื่องจากเดิมทีคิดว่าคงมีเพียงไม่กี่หลัง จึงไม่ได้บังคับให้ผู้ประกอบการต้องมายื่นขึ้นทะเบียนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เหมือนสัตว์ชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม ต่อมาธุรกิจนี้กลับขยายตัวอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นสร้างบ้าน หรืออาคารให้นกอาศัยอยู่โดยเฉพาะ แต่บางจุดตั้งอยู่กลางชุมชนจนก่อให้เกิดผลกระทบในหลายด้าน จึงทำให้การควบคุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีอำนาจอยู่ในมือก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องเร่งเข้าไปจัดการก่อนปัญหาจะรุนแรงไปมากกว่านี้ โดยทางสำนักงานปศุสัตว์พรัอมเข้าไปช่วยสนับสนุน
นายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง กล่าวว่า คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเข้ามาควบคุมการเลี้ยงรังนกบ้านกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในบริเวณชุมชนซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาตามมาในอนาคต เนื่องจากเริ่มมีการร้องเรียนเรื่องเสียงดังรบกวนมากขึ้น และยังหวั่นว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ หรือทำให้เกิดการระบาดของโรคบางชนิดได้ง่าย ดังนั้น จึงควรออกกฎ หรือออกมาตรการมาจัดระบบ เพื่อให้ธุรกิจการเลี้ยงรังนกบ้านเป็นไปด้วยความเหมาะสม และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนโดยทั่วไป
