สคบ.กระบี่ออกตรวจเต็นท์มือสองพบผิดกฎหมายอื้อ

กระบี่ - สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค จ.กระบี่ ออกตรวจเต็นท์รถมือสอง พบผิดกฎหมายอื้อ พร้อมแนะนำให้ปฎิบัติตามกฎหมาย ขู่เจอฝ่าฝืนปรับ/คุก

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (11 ต.ค.) นายอุเทน ตัณตรีบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยคณะได้ออกตรวจสถานประกอบธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว หรือเต็นท์รถมือสองในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการปฎิบัติให้ถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก และประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้บริโภคร้องเรียนเป็นจำนวนมาก

นายอุเทน ตัณตรีบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบันได้มีผู้ประกอบการในจังหวัดกระบี่หันมาทำธุรกิจเต็นท์รถมือสองกันเป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมาได้มีการออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 24 พ.ศ.2550 เรื่อง ให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก และประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2550 รวมทั้งมีการแนะนำให้ผู้ประกอบการธุรกิจจัดทำฉลากสินค้า หลักฐานการรับเงิน และโทษ หากไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามประกาศดังกล่าว โดยจะออกตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 9-11 ต.ค.นี้ รวมกว่า 40 แห่ง

ในการออกตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้แล้ว หากพบว่าผู้ประกอบการดำเนินการไม่ถูกต้องตามประกาศ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่ผู้ประกอบการธุรกิจรายอื่น ให้เร่งหันมาปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการรองรับในคุณสมบัติของผู้ประกอบการธุรกิจที่จะได้รับมอบตราสัญลักษณ์ สคบ. ในอนาคตที่จะได้นำไปแสดงไว้บนสินค้า หรือบริการผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า หรือบริการ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจมีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคม

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ใคร่ขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจทุกท่านเร่งดำเนินการจัดทำหลักฐานการรับเงิน และฉลากรถยนต์ใช้แล้วให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหากพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจรายใดไม่ส่งมอบหลักฐานการรับเงินที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริโภค จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีจัดทำฉลากรถยนต์ใช้แล้วไม่ถูกต้อง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจากการออกตรวจสอบในเบื้องต้น ประมาณ 20 แห่ง พบว่ามีเพียง 1 แห่ง ที่ปฎิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็ได้แนะนำให้ปฎิบัติถูกต้อง และหลังจากนี้หากว่ายังไม่ปฎิบัติตามก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

สำหรับผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ สามารถแจ้งข้อมูลเบาะแสได้ที่สายด่วน สคบ.1166