นครศรีธรรมราช - นักโทษตัวแสบตัดตรวนหลบหนีจากโรงพยาบาลทุ่งสงจนมุมการตามล่าของตำรวจคาบ้านกิ๊กสาววัยรุ่น โดยบุกตามจับกุมตัวถึงที่นอน พร้อมอาวุธปืน ระเบิด ด้านเจ้าของบ้านว่าที่พ่อตาเจอข้อหาให้ที่พักพิง สารภาพประวัติโชกโชน และเคยหนีคุกมาแล้วถึง 3 ครั้ง
วันนี้ (10 ต.ค.) เมื่อเวลา 05.30 น. พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ. พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.ทุ่งสง พ.ต.ท.โชคดี ศรีเมือง รอง ผกก.กก.สส. พ.ต.ท.ชูยศ จินดานคร สว.สส.กก.สส. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษติดอาวุธครบมือ พร้อมด้วยหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 88/3 ม.4 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
หลังจากสืบพบว่า นายบุญเริง ระวัง อายุ 38 ปี หรือ “เขียว เทพนมเชือด” นักโทษในคดีค้าอาวุธสงคราม และพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่ถูกนำมารักษาตัวยังโรงพยาบาลทุ่งสง เนื่องจากถูกนักโทษด้วยกันใช้อาวุธมีดแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากได้ใช้ใบเลื่อยตัดโซ่ตรวนขณะที่ถูกพันธนาการไว้กับเตียงผู้ป่วยก่อนที่จะหลบหนีไปเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มาหลบกบดานอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว
โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวปรากฏว่า พบนายบุญเริง หรือเขียวได้วิ่งออกจากบ้านไปทางด้านหลัง พร้อมทั้งโยนอาวุธปืน และระเบิดทิ้งในคลองข้างรั้ว และพยายามวิ่งปีนรั้วกระโดดหนี แต่เจ้าหน้าที่ที่ปิดล้อมบริเวณได้จับกุมไว้ได้ในสภาพที่นายบุญเริงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการกระโดรั้วที่มีความสูงเกือบ 3 เมตร และเมื่อเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว ได้ตรวจยึดอาวุธปืน และวัตถุระเบิด ของใช้ส่วนตัวที่นายบุญเริงนำมาเก็บไว้ในห้องนอนของบุตรสาวเจ้าของบ้าน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายไชยยศ มณีจันทร์ อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านในข้อหาให้ที่พักพิง และคุมตัวบุคคลทั้งคู่มาสอบสวนยัง กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราชทันที เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายบุญเริง คือ มีวัตถุระเบิด และอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และข้อหาหลบหนีการควบคุมของเจ้าพนักงานที่ศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว โดยยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
นายบุญเริง ระวัง ซึ่งได้หลบมาตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ครบ 7 วัน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่หลบหนีนั้นต้องขอความเป็นธรรมถึงสาเหตุ เพราะถูกกดดันจากเรือนจำหลังจากถูกแทงปางตายแล้วเกือบ 1 ชม.จึงนำตัวส่งรพ.ทั้งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่ได้ดำเนินการใดๆ หลังเกิดเหตุวันที่ 17 กันยายน 2555 แต่ทางเรือนจำได้มาแจ้งความเมื่อวันที่ 3 ต.ค.55 หลังจากที่ตนเองได้หลบหนีการควบคุมไปแล้ว
“ส่วนขั้นตอนการหลบหนีนั้น เพื่อนได้นำเอาใบเลื่อยมาให้ตนเองได้ใช้เวลาตัดเหล็กตรวนตั้งแต่ 3 ทุ่ม ซึ่งได้ตัดไปเป็นระยะเนื่องจากเสียงเลื่อยดังทำให้คนอื่นสงสัย จนกระทั่งเลื่อยตรวนขาดหลังเที่ยงคืน ก่อนที่จะหลบหนีออกจากโรงพยาบาลมาขึ้นรถยนต์กระบะที่เพื่อนนำมาจอดทิ้งไว้ให้ริมถนนนอกโรงพยาบาล และได้ขับหลบหนีมาหลบที่บ้านจนถูกจับกุมอีกครั้ง” นายบุญเริงสารภาพ
นายบุญเริงยังระบุด้วยว่า การหลบหนีครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตของการถูกคุมขังในเรือนจำ ตนอายุ 38 ปี ติดคุกมารวมเวลาประมาณ 18 ปี ครั้งแรกเมื่อปี 2534 ได้หนีในขณะที่เหลือโทษไม่กี่เดือนในข้อหารับของโจร ครั้งหลังเมื่อปี 2537 ติดคุกในคดีปล้นทรัพย์ และได้หลบหนีมาในรถขนขยะขณะที่ฝนกำลังตกเป็นครั้งที่ 2 และครั้งนี้ในคดีอาวุธสงครามเป็นครั้งที่ 3 ในเรือนจำที่ถูกคุมขังตนนั้นยังมียาเสพติดเข้าไปได้ แต่ไม่ทราบว่าเข้าไปได้อย่างไร ส่วนสาเหตุที่นักโทษที่อยู่ในห้องเดียวกันมาแทงนั้นไม่ทราบสาเหตุไม่ได้มีเรื่องกันมาก่อน
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากการสืบสวนข้อมูลหลายสายยืนยันตรงกัน นายบุญเริงถูกเครือข่ายค้าอาวุธสงคราม และยาเสพติดลงขันว่าจ้างให้นักโทษที่อยู่ในห้องเดียวกับนายบุญเริงก่อเหตุสังหารนายบุญเริง โดยคนที่ลงมือแทงนั้นเป็นคนที่ไม่มีอนาคตอยู่แล้ว เนื่องจากติดหลายคดี และยังติดเชื้อเอชไอวีอีกด้วย การรับงานนี้เพื่อนำเงินไปให้ภรรยามือแทงที่อยู่นอกเรือนจำใช้จ่าย
“ซึ่งก่อนที่นายบุญเริงจะถูกแทงนั้น ได้มีข่าวมาแล้วว่าขบวนการในเรือนจำได้สั่งฆ่านายบุญเริง และเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นจริงคล้อยหลังจากการข่าวไม่ถึง 24 ชม. เมื่อนำมารักษาตัวยังโรงพยาบาลการข่าวได้แจ้งเตือนผู้คุมทั้ง 5 รายแล้วว่า นายบุญเริงจะหนี และเมื่ออาการดีขึ้นเขาหนีตามการแจ้งเตือนจริงๆ ซึ่งในส่วนของผู้คุมนั้นอาจมีทักษะไม่เท่าทันนายบุญเริง และในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้คุมที่อาจมีความผิดนั้นต้องว่าไปตามกระบวนการ ส่วนนายบุญเริงไปยัง สภ.ทุ่งสง ดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีการควบคุม และส่งให้ สภ.ท่าศาลาดำเนินคดีอาวุธปืน และระเบิด ส่วนคดีอาวุธสงครามนั้นยังคงถูกดำเนินคดีต่อไป และฝากขังครั้งต่อไปนั้นทางพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัวอย่างเต็มที่ และเชื่อว่าศาลจะไม่อนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจากมีพฤติการณ์ในการหลบหนีมาแล้วถึง 3 ครั้ง” ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในการสืบสวนหาตัวนายบุญเริงนับตั้งแต่ได้ก่อเหตุตัดตรวนหลบหนีออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา นายบุญเริงได้มาติดพันกับนักเรียนชั้น ม.6 ลูกสาวของเจ้าของบ้านที่มากบดาน โดยรู้จักกันผ่านนักโทษญาติของเด็กสาวรายนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนโดยใช้เทคนิคการแกะรอยชั้นสูง จนพบว่านายบุญเริงมาหลบกบดานอยู่เจ้าหน้าที่จึงขอหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นจับกุมจนเป็นผลสำเร็จดังกล่าว