ปัตตานี - ภรรยารอง ผกก.สภ.สายบุรี และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ วอนขอให้กลุ่มก่อความไม่สงบยุติเหตุรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ทุกคนต้องเสียคนที่ตัวเองรัก และทรัพย์สินเสียหาย
กรณีเหตุคนร้ายกราดยิงร้านทองและลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ซ้ำกลางตลาดเทศบาลตำบลสายบุรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ อส. ตลอดจนประชาชนเสียชีวิต 6 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 41 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด ผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี ยะลา และ ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวม 18 ราย โดยหลายรายยังคงมีอาการสาหัสและแพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
น.ส.กัญภร จินดารัตน์ อายุ 25 ปี ผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า รู้สึกสลดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะต้องสูญเสียทรัพย์สิน และมีญาติที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้หลายคน ซึ่งปกติตนก็ทำงานอยู่โรงพยาบาลในพื้นที่คอยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบมาก็มาก แต่สุดท้ายก็ต้องตกใจเมื่อวันนี้ต้องมาช่วยเหลือบรรดาญาติๆ ของตนเองที่ได้รับบาดเจ็บมันต้องข่มใจ และทำใจในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็อยากฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าหากเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับญาติๆ หรือครอบครัวเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร
นางจินดา ทองด้วง อายุ 40 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ทองด้วง รอง ผกก.สส.สภ.สายบุรี ซึ่งเป็นสามีขณะนี้อาการยังสาหัสและเตรียมขอแพทย์ส่งรักษาตัวกับหมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ ซึ่งตนก็มองว่าเรื่องอย่างนี้แย่มาก เพราะคนบริสุทธิ์ไม่สมควรได้รับบทเรียนอย่างนี้ และในเมื่อเราทุกคนทุกศาสนาเราต่างก็เป็นคนไทยด้วยกันก็น่าจะรักกันไว้ และไม่สมควรทำความเดือดร้อนให้คนไทยทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วยกัน และอยากวอนกลุ่มที่กำลังหลงผิดด้วยว่า หากได้กราบเท้าวอนขอได้ก็อยากจะกราบ และขอร้องไม่อยากให้เข่นฆ่าคนไทยด้วยกันอีกต่อไปเลย และทุกคนควรจะรักกันไว้ในผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้
ด้าน นางสุมาลี ยีสมาน อายุ 49 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนเหตุระเบิดตนได้ยินเสียงปืนเลยออกไปดูหน้าบ้าน จากนั้นก็เกิดระเบิด และเห็นลูกชายนอนไส้ทะลักอยู่กับพื้น และร้องเสียงดังให้ช่วยด้วย สุดท้ายลูกชายก็ต้องมาตายต่อหน้าต่อตาตน นับเป็นเรื่องที่โศกเศร้าที่สุด เพราะต้องขาดเสาหลักที่ก่อนหน้านี้มีสามีแต่ต้องมาเป็นมะเร็งจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ แล้วก็ต้องมาสูญเสียลูกชายผู้เป็นเสาหลักไปกับเหตุการณ์นี้อีก โดยหลังจากนี้ยังไม่รู้จะอยู่อย่างไร ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร เพราะทรัพย์สินเงินทองได้พังเสียหายหมดไปกับเหตุระเบิด และเพลิงไหม้ในครั้งนี้ไปหมดแล้ว
กรณีเหตุคนร้ายกราดยิงร้านทองและลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ซ้ำกลางตลาดเทศบาลตำบลสายบุรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ อส. ตลอดจนประชาชนเสียชีวิต 6 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 41 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด ผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี ยะลา และ ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวม 18 ราย โดยหลายรายยังคงมีอาการสาหัสและแพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
น.ส.กัญภร จินดารัตน์ อายุ 25 ปี ผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า รู้สึกสลดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะต้องสูญเสียทรัพย์สิน และมีญาติที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้หลายคน ซึ่งปกติตนก็ทำงานอยู่โรงพยาบาลในพื้นที่คอยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบมาก็มาก แต่สุดท้ายก็ต้องตกใจเมื่อวันนี้ต้องมาช่วยเหลือบรรดาญาติๆ ของตนเองที่ได้รับบาดเจ็บมันต้องข่มใจ และทำใจในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็อยากฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าหากเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับญาติๆ หรือครอบครัวเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร
นางจินดา ทองด้วง อายุ 40 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ทองด้วง รอง ผกก.สส.สภ.สายบุรี ซึ่งเป็นสามีขณะนี้อาการยังสาหัสและเตรียมขอแพทย์ส่งรักษาตัวกับหมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ ซึ่งตนก็มองว่าเรื่องอย่างนี้แย่มาก เพราะคนบริสุทธิ์ไม่สมควรได้รับบทเรียนอย่างนี้ และในเมื่อเราทุกคนทุกศาสนาเราต่างก็เป็นคนไทยด้วยกันก็น่าจะรักกันไว้ และไม่สมควรทำความเดือดร้อนให้คนไทยทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วยกัน และอยากวอนกลุ่มที่กำลังหลงผิดด้วยว่า หากได้กราบเท้าวอนขอได้ก็อยากจะกราบ และขอร้องไม่อยากให้เข่นฆ่าคนไทยด้วยกันอีกต่อไปเลย และทุกคนควรจะรักกันไว้ในผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้
ด้าน นางสุมาลี ยีสมาน อายุ 49 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนเหตุระเบิดตนได้ยินเสียงปืนเลยออกไปดูหน้าบ้าน จากนั้นก็เกิดระเบิด และเห็นลูกชายนอนไส้ทะลักอยู่กับพื้น และร้องเสียงดังให้ช่วยด้วย สุดท้ายลูกชายก็ต้องมาตายต่อหน้าต่อตาตน นับเป็นเรื่องที่โศกเศร้าที่สุด เพราะต้องขาดเสาหลักที่ก่อนหน้านี้มีสามีแต่ต้องมาเป็นมะเร็งจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ แล้วก็ต้องมาสูญเสียลูกชายผู้เป็นเสาหลักไปกับเหตุการณ์นี้อีก โดยหลังจากนี้ยังไม่รู้จะอยู่อย่างไร ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร เพราะทรัพย์สินเงินทองได้พังเสียหายหมดไปกับเหตุระเบิด และเพลิงไหม้ในครั้งนี้ไปหมดแล้ว
